กรุงเทพฯ 4 ต.ค.- อธิบดีกรมชลประทานระบุ เขื่อนภูมิพลงดการระบายน้ำเพื่อลดปริมาณที่จะไหลลงสู่แม่น้ำปิงด้านท้ายเขื่อน เช่นเดียวกับเขื่อนสิริกิติ์ที่ปิดการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านเช่นกัน ขณะที่เขื่อนกิ่วลมได้ลดการระบายเพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำวัง เนื่องจากแม่น้ำทั้ง 3 สายมีปริมาณน้ำมาก
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้ประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) งดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล จังหวัดตากอีก 1 วันต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ เพราะแม่น้ำปิงมีปริมาณน้ำมาก ส่วนเขื่อนกิ่วคอหมา จังหวัดลำปางมีน้ำ 101% ของความจุ โดยน้ำที่ระบายจากเขื่อนกิ่วคอหมาจะไหลต่อมายังเขื่อนกิ่วลมซึ่งมีน้ำ84% แต่ใช้เขื่อนกิ่วลมหน่วงน้ำแม่น้ำวังไว้ โดยลดการระบายน้ำเพื่อลดปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำวังซึ่งมีปริมาณน้ำมากเช่นกัน ที่สถานแม่น้ำวังที่อำเภอเถิน (W.3A) จังหวัดลำปางซึ่งเป็นสถานีที่รับน้ำจากเขื่อนกิ่วลม มีปริมาณน้ำมากถึง 94% ของความจุลำน้ำ
สำหรับในลุ่มน้ำยม เนื่องจากมีน้ำป่าไหลหลาก ทำให้น้ำไหลเข้าสู่ทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลกซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจนเต็มความจุ น้ำจากแม่น้ำยมตอนบนที่ไหลผ่านจังหวัดสุโขทัยทรงตัว ทำให้ยังคงต้องเฝ้าระวังพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยซึ่งลำน้ำแคบ รับน้ำได้น้อย
ส่วนลุ่มน้ำน่าน ได้ประสานกฟผ. ปิดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ตั้งแต่เมื่อวานนี้จนถึงพรุ่งนี้ (5 ตุลาคม) เพื่อลดปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ด้านท้ายเขื่อน แล้วไหลต่อมายังแม่น้ำเจ้าพระยา
น้ำจากแม่น้ำปิง วัง ยม และน่านซึ่งมีปริมาณมากไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำสูงสุดจะไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ในวันที่ 7 ตุลาคม แล้วจะไหลสู่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น กรมชลประทานจึงปรับเพิ่มการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มในอัตรา 335 ลบ.ม./วินาที และควบคุมให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่เกินอัตรา 2,700 ลบ.ม./วินาที โดยวันนี้ระบายที่2,681 ลบ.ม./วินาที พร้อมกันนี้ได้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเข้าไปช่วยเสริมศักยภาพในการระบายน้ำที่รับเข้าไปเพิ่มในระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งดังกล่าวออกทะเล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด.-สำนักข่าวไทย
