คุมฝากขัง 2 ผู้ต้องหาคดีอุ้มเด็ก 16 ปมบัญชีม้า

นนทบุรี 22 ก.ย.- ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด แจ้งหลายข้อหาหนัก 2 ผู้ต้องหา คดีอุ้มเด็ก 16 ปี ปมบัญชีม้า ก่อนคุมตัวฝากขังศาลจังหวัดนนทบุรี


ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด นำตัว 2 ผู้ต้องหานายกิตติพร หรือบังดี อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนจี้เยาวชนชายอายุ 16 ปี ขึ้นรถไปทิ้งที่มอเตอร์เวย์ สภาพถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส นำลายฟูมปาก และใช้อาวุธปืนยิงนายสุรชัย อายุ 26 ปี ที่สะบักหลังซ้าย 1 นัด และกลางหลัง 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ รพ.ชลประทานปากเกร็ด โดยตำรวจตั้งข้อหาหนัก คือ พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน, ยิ่งปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่น ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

ส่วนผู้ต้องหารายที่ 2 คือ นายไพศาล หรือแปะ อายุ 33 ปี ถูกแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ, ใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือ จิตใจของผู้อื่นนั้น, ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี หลังจากพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา ได้นำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถไปศาลจังหวัดนนทบุรีเพื่อไปฝากขัง


ไปย้อนดูเหตุดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 ก.ย. จากกรณีกลุ่มชายฉกรรจ์ 6-7 คน โดยหนึ่งในนั้นใช้อาวุธปืนจี้เยาวชนชายอายุ 16 ปี และมีอีก 1 คน ในกลุ่มยิงปืนขึ้นฟ้า ทำให้คนที่ใช้ปืนจี้ไม่พอใจ หันมายิงใส่คนที่ยิงปืนขึ้นฟ้าจนล้มลงนอนจมกองเลือดอยู่ริมถนน ก่อนที่กลุ่มชายฉกรรจ์จะพาเยาวชนชายขึ้นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำ ขับออกจากย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยไม่สนใจคนเจ็บที่ถูกยิง ต่อมามีผู้พบว่าเยาวชนชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บนอนน้ำลายฟูมปากไม่ได้สติอยู่ริมถนนมอเตอร์เวย์พื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนที่กู้ภัยจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล

จากแนวทางการสืบสวนของตำรวจพบว่า การอุ้มเกิดขึ้นเนื่องจากเด็กไปรับเปิดบัญชีม้ากับแก๊งมาเฟียกลุ่มหนึ่ง โดยให้บัตรเอทีเอ็มและรหัสกับผู้ที่จ้างไว้ ต่อมาเด็กเห็นว่ามีเงินเข้ามาในบัญชีเป็นจำนวนมากผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร จึงบล็อกบัตรเอทีเอ็ม แล้วกดเงินออกมาจากบัญชี 346,000 บาท จนเป็นที่มาถึงเหตุการณ์ดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง