จาการ์ตา 15 ก.ย.- อินโดนีเซียกำลังหาทางดึงดูดคนทำงานไร้ออฟฟิศที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทำงานพร้อมกับท่องเที่ยวหรือที่เรียกว่า “ผู้เร่ร่อนดิจิทัล” (digital nomads) ด้วยการออกวีซ่าที่มีความผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
นายซานเดียโก อูโน รัฐมนตรีท่องเที่ยวอินโดนีเซียโพสต์ในอินสตาแกรมว่า นับจากนี้เป็นต้นไปผู้เดินทางมาพักระยะยาวเพื่อทำงานและท่องเที่ยวไปด้วยจะสามารถพำนักอยู่ในอินโดนีเซียได้นานสูงสุด 6 เดือนด้วยวีซ่าสังคมวัฒนธรรม เขามั่นใจว่า จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสนใจพำนักอยู่ในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจอินโดนีเซียฟื้นตัวโดยอัตโนมัติ
ที่ผ่านมาอินโดนีเซียยังไม่เคยอนุญาตให้จ้างงานผู้ใช้วีซ่าลักษณะนี้มาก่อน และขณะนี้ยังไม่มีกำหนดว่าจะเก็บภาษีผู้เร่ร่อนดิจิทัลอย่างไร ด้านคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวบาหลีแสดงความสนับสนุนแผนการนี้ และเสนอให้รัฐบาลกลางออกระเบียบที่ชัดเจน เช่น ภาษีที่ผู้เร่ร่อนดิจิทัลต้องจ่ายให้รัฐบาลกลาง หากทำงานและท่องเที่ยวอยู่ในบาหลี ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวอินโดนีเซียระบุว่า ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มีผู้เร่ร่อนดิจิทัลเดินทางเข้ามาแล้วมากกว่า 3,000 คน ส่วนใหญ่มาจากรัสเซีย อังกฤษ และเยอรมนี และมักไปพำนักอยู่บนเกาะบาหลี คาดกันว่า จำนวนชาวต่างชาติมาเที่ยวบาหลีจะกลับไปแตะระดับ 6 ล้านคนในช่วงก่อนเกิดโควิดได้ภายในปี 2568
หลายประเทศในภูมิภาคนี้ก็มีนโยบายดึงดูดผู้เร่ร่อนดิจิทัลเช่นกัน ฟิลิปปินส์เสนอแพ็คเกจ “เวิร์คเคชัน” คือทำงานไปท่องเที่ยวไปที่โบราไกย์ เกาะท่องเที่ยวชื่อดัง ขณะที่มาเลเซียประกาศระเบียบเมื่อไม่กี่วันก่อนเรื่องให้ผู้เร่ร่อนดิจิทัลที่มีคุณสมบัติสามารถพำนักได้นานสูงสุด 12 เดือน.-สำนักข่าวไทย