โรงแรมรามาการ์เด้นส์ 2 ก.ย.-“พล.อ.ประวิตร” ประชุมเร่งรัดที่ดินทำกินให้ชุมชน พร้อมเป็นประธานพิธีลงนาม( MOU ) กระชับความร่วมมือทุกฝ่าย มุ่งช่วยเหลือผู้ยากไร้ เกษตรกร ให้มีที่ทำกินอยู่อาศัยถูกต้องตามกฎหมาย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทางมาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ครั้งที่ 2/2565 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ โดยที่ประชุมเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การมอบหมายหน่วยงานตามผลการจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1.ประเภทพื้นที่ป่าไม้ ให้กรมป่าไม้ ดำเนินการ 2.ประเภทพื้นที่ป่าชายเลน ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำเนินการ 3.ประเภทพื้นที่เกษตรกรรม ให้ ส.ป.ก.ดำเนินการและ 4.ประเภทพื้นที่ชุมชนและ/หรือพื้นที่ที่ถูกใช้ประโยชน์โดยกิจกรรมนอกเหนือหน้าที่รับผิดชอบของส.ป.ก.ให้กรมธนารักษ์ ดำเนินการ
ที่ประชุมเห็นชอบการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าไม้ถาวร โดยแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าไม้ถาวร และการเสนอขอยกเลิกมติ ครม.เมื่อ 22 เม.ย.40 เรื่อง มาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ป่าไม้ ในภาพรวมทั้งประเทศ ของกรมป่าไม้ เห็นชอบ การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ของประเทศ ปีพ.ศ. 2566-2570 ซึ่งประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ได้แก่ 1.การส่งเสริมความยั่งยืนของการจัดการที่ดินและระบบนิเวศ 2.การสร้างดุลยภาพของการใช้ประโยชน์ที่ดินฯตามศักยภาพ 3.การพัฒนาขีดความสามารถในการใช้ประโยชน์ที่ดินฯ 4.การกระจายการถือครองที่ดิน อย่างเป็นธรรม และ 5.การบูรณาการและการสร้างการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการที่ดินฯ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินแผนงานต่าง ๆ ที่ผ่านความเห็นชอบแล้วให้บรรลุวัตถุประสงค์ เพื่อแก้ปัญหาที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย ผู้ยากไร้ เกษตรกร
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ที่จำเป็นในพื้นที่คทช. ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ปัญหาการขาดที่ดินทำกิน ให้ประชาชนผู้ยากไร้มีสิทธิ์ทำกินและอยู่อาศัยในที่ดินของรัฐ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและถูกต้องตามกฏหมาย โดยจัดเป็นลักษณะแปลงรวม ไม่ให้เป็นกรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้ทำประโยชน์เป็นกลุ่มหรือชุมชน รวมทั้งเป็นการป้องกันปัญหาการบุกรุก ที่ดินของรัฐด้วย ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือแล้วกว่า 73,000 คน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การจัดสรรที่ดินทำกินให้ชุมชนในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าให้ทำประโยชน์เป็นกลุ่มหรือชุมชน เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ โดยให้ประชาชนผู้ยากไร้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ป้องกันการเปลี่ยนมือและเข้ามาครอบครองของนายทุน เกษตรกรมีที่ดินทำกินอย่างยั่งยืน และขอให้หน่วยงานรัฐพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไฟฟ้า ประปา เส้นทางคมนาคม และแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภค อีกทั้งยังต้องส่งเสริมให้พัฒนาและส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่หาช่องทางการผลิตกระจายผลผลิตทางการเกษตรให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอและมั่นคง
สำหรับการพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) มีหน่วยงานร่วมลงนาม 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ 2.กลุ่มหน่วยงานพัฒนา ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมทางหลวงชนบท กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง และกรมการพัฒนาชุมชน.-สำนักข่าวไทย