TNA News-Now-Next: “แคชเมียร์” ชนวนสงครามอินเดีย-ปากีสถาน

Barbed wire in Srinagar, Indiaรั้วลวดหนามที่ศรีนคร เมืองหลวงของรัฐจัมมูและแคชเมียร์

แคชเมียร์ 24 เม.ย.- เหตุกลุ่มคนร้ายกราดยิงนักท่องเที่ยวในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ของอินเดียเมื่อ 2 วันก่อน เป็นเหตุร้ายครั้งล่าสุดในภูมิภาคแถบเทือกเขาหิมาลัยที่เป็นพื้นที่ชนวนสงครามระหว่างอินเดียและปากีสถานตั้งแต่เมื่อครั้งได้รับเอกราชจากอังกฤษ


แดนสวรรค์เปื้อนเลือด

เมืองพาฮัลกัม (Pahalgam) ในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม อากาศเย็นสบาย ห่างออกไปไม่ถึง 5 กิโลเมตรเป็นหุบเขาไบซาราน (Baisaran Valley) ที่มีทุ่งหญ้าบนยอดเขาเขียวขจี รายล้อมไปด้วยป่าสน สวยงามจนได้รับสมญานามว่า มินิสวิตเซอร์แลนด์


Shutdown in Indian Kashmir's Pahalgam after militant attack
เมืองพาฮัลกัม

แดนสวรรค์แห่งนี้ต้องกลายเป็นแดนเปื้อนเลือด เมื่อกลุ่มคนร้ายกราดยิงใส่กลุ่มนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 22 เมษายน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน เป็นชาวอินเดีย 25 คน และชาวเนปาล 1 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 17 คน ตำรวจอินเดียระบุว่า ผู้ต้องสงสัย 2 ใน 3 คน เป็นชาวปากีสถาน

Funeral for victims of militant attack in Kashmir
พิธีศพนักท่องเที่ยว

เหตุการณ์นี้เป็นเหตุร้ายครั้งรุนแรงที่สุดของอินเดีย นับจากเหตุกลุ่มติดอาวุธในปากีสถานก่อการร้ายพร้อมกันหลายจุดในนครมุมไบ เมืองหลวงเชิงพาณิชย์ของอินดียเป็นเวลา 4 วันเมื่อวันที่ 26-29 พฤศจิกายน 2551 ครั้งนั้นมีคนถูกสังหารมากถึง 175 คน และคนได้รับบาดเจ็บมากกว่า 300 คน

รู้จักกลุ่มอ้างตัวก่อเหตุ


กลุ่มต่อต้านแคชเมียร์ (Kashmir Resistance) หรือแนวร่วมต่อต้าน (The Resistance Front) หรือทีอาร์เอฟ (TRF) โพสต์สื่อสังคมออนไลน์อ้างตัวว่าเป็นผู้ลงมือ สาเหตุเพราะไม่พอใจที่มี “คนนอก” เข้ามาตั้งรกรากในภูมิภาคนี้มากกว่า 85,000 คน จนลักษณะทางประชากรศาสตร์เปลี่ยนแปลงไป

Indian police release sketches of suspects involved in Kashmir attack
ตร.อินเดียโพสต์ภาพสเก็ตช์ผู้ต้องสงสัย

ข้อมูลของ South Asia Terrorism Portal ซึ่งเป็นหน่วยงานวิชาการในอินเดียระบุว่า ทีอาร์เอฟปรากฏขึ้นในปี 2562 เชื่อว่าแยกตัวออกมาจากกลุ่มลัชการ์-อี-ไทบา (Lashkar-e-Taiba) หรือแอลอีที (LeT) ในปากีสถานที่ถูกสหรัฐขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติ จากการก่อเหตุร้ายในอินเดียและชาติตะวันตก รวมถึงการก่อการร้ายที่นครมุมไบในปี 2551 ที่ผ่านมาทีอาร์เอฟไม่ได้ก่อเหตุใหญ่ และก่อเหตุโดยมีอิสระบางประการ แต่ยังคงรับคำสั่งจากแอลอีที

กระทรวงมหาดไทยอินเดียแถลงต่อรัฐสภาในปี 2566 ว่า ทีอาร์เอฟพัวพันกับการวางแผนสังหารเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและพลเรือนในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการรับสมัครสมาชิกติดอาวุธ  ลักลอบค้าอาวุธและยาเสพติดข้ามพรมแดนอินเดีย-ปากีสถาน หน่วยข่าวกรองอินเดียเปิดเผยว่า กลุ่มนี้ได้ใช้การข่มขู่ทางออนไลน์กับกลุ่มสนับสนุนอินเดียตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ปากีสถานปฏิเสธว่า ไม่ได้สนับสนุนและให้เงินทุนกลุ่มติดอาวุธในแคชเมียร์ โดยให้เพียงกำลังใจและการสนับสนุนทางการทูตเท่านั้น

แคชเมียร์ ดินแดนชนวนสงคราม

แคชเมียร์หรือกัศมีร์ เป็นภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือสุดของอนุทวีปอินเดีย ปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่ของ 3 ประเทศ คือ อินเดีย ปากีสถานและจีน โดยเป็นชนวนสงครามอินเดีย-ปากีสถานโดยตรงมาแล้ว 2 ครั้ง

ป้ายชื่อประเทศอินเดียและปากีสถาน (ไม่ทราบเวลาและสถานที่)

ปมความขัดแย้งเกิดขึ้นหลังจากอังกฤษให้เอกราชแก่อินเดียและปากีสถานในปี 2490 โดยมีการขีดเส้นแบ่งประเทศ ส่วนแคชเมียร์ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แต่มีผู้ปกครองเป็นมหาราชาฮินดู อังกฤษให้เลือกว่าจะเข้าร่วมกับประเทศใดประเทศหนึ่งหรือคงความเป็นเอกราช มหาราชาได้ตัดสินใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย เนื่องจากถูกกลุ่มชนเผ่าในปากีสถานบุกรุกและประชาชนก่อกบฏ นำมาซึ่งสงครามอินเดีย-ปากีสถานครั้งแรก สหประชาชาติเข้าไกล่เกลี่ยจนกระทั่งมีการหยุดยิงในปี 2492 และมีการแบ่งแคชเมียร์ โดยให้อินเดียปกครอง 2 ใน 3 ส่วน ประกอบด้วยหุบเขาแคชเมียร์ จัมมู และลาดักห์ ส่วนปากีสถานปกครอง 1 ใน 3 ประกอบด้วยอะซัด แคชเมียร์และกิลกัต-บัลติสถาน ต่อมาในช่วงที่จีนและอินเดียทำสงครามเป็นเวลา 1 เดือน ในปี 2505 จีนได้ยึดครองพื้นที่ที่ส่วนใหญ่ไม่มีคนอยู่อาศัย

อินเดียและปากีสถานทำสงครามใหญ่แย่งชิงแคชเมียร์อีกครั้งในปี 2508 แต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานภาพของดินแดนแห่งนี้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด ส่วนการทำสงครามครั้งที่ 3 ระหว่างอินเดียและปากีสถานในปี 2514 นำมาซึ่งการตั้งประเทศบังกลาเทศ

แคชเมียร์ในส่วนของอินเดียมีประชากร 7 ล้านคน ในจำนวนนี้เกือบร้อยละ 70 เป็นมุสลิม กลุ่มติดอาวุธที่ต้องการแยกตัวเป็นเอกราชหรือต้องการรวมกับปากีสถานเริ่มเคลื่อนไหวก่อเหตุไม่สงบในแคชเมียร์ส่วนของอินเดียตั้งแต่ปี 2532 อินเดียตอบโต้ด้วยการส่งกำลังทหารจำนวนมากไปปราบปราม และมีคนล้มตายมากมาย อินเดียกล่าวหาปากีสถานว่า ให้อาวุธและให้การฝึกฝนกลุ่มติดอาวุธ แต่ปากีสถานปฏิเสธ

เปลี่ยนดินแดนขัดแย้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ปี 2562 รัฐบาลนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีและพรรคภารติยะชนตะที่ปกครองอินเดียมาตั้งแต่ปี 2557 ได้ยกเลิกมาตราในรัฐธรรมนูญก่อตั้งประเทศที่ให้สถานภาพปกครองตนเองแก่ดินแดนแห่งนี้ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้แคชเมียร์เป็นส่วนหนึ่งของประเทศได้อย่างกลมกลืนมากขึ้น

ทางการอินเดียอ้างว่า สถานการณ์ความรุนแรงในแคชเมียร์เบาบางลงในช่วงหลายปีมานี้ มีการก่อเหตุร้ายขนาดใหญ่น้อยลง และมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยือนมากขึ้น รัฐบาลโมดีชูเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ว่า สามารถนำสันติภาพและการพัฒนามาสู่ดินแดนแห่งนี้ อย่างไรก็ดี ยังคงมีรายงานเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและพลเรือนถูกสังหาร

ผลพวงจากเหตุการณ์ร้ายล่าสุด

ทางการอินเดียปิดเมืองพาฮัลกัมตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน หนึ่งวันหลังเกิดเหตุร้าย นอกจากนี้ยังได้ประกาศมาตรการหลายอย่างเพื่อลดระดับความสัมพันธ์กับปากีสถาน เช่น ระงับการใช้สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุปี 2503 (Indus Waters Treaty) ที่กำหนดการใช้แม่น้ำร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ปากีสถานที่อยู่ปลายน้ำได้รับผลกระทบ เนื่องจากต้องใช้น้ำในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำและการชลประทาน

India closes land border crossing with Pakistan following Kashmir attack
อินเดียปิดด่านทางบกกับปากีสถาน

อินเดียยังได้ปิดด่านข้ามแดนทางบกระหว่าง 2 ประเทศที่มีอยู่เพียงแห่งเดียว และกำหนดให้ผู้ที่ข้ามมาในอินเดียแล้วต้องกลับออกไปก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม ประกาศให้ที่ปรึกษาด้านกลาโหมทั้งหมดในคณะข้าหลวงใหญ่ปากีสถานประจำอินเดียเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา และต้องออกจากอินเดียภายใน 1 สัปดาห์ ขณะเดียวกันอินเดียจะเรียกตัวคณะที่ปรึกษาด้านกลาโหมในปากีสถานกลับประเทศ และลดจำนวนคณะข้าหลวงใหญ่อินเดียประจำปากีสถานจาก 55 คน ลงเหลือ 30 คน นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวประท้วงต่อต้านปากีสถานในหลายพื้นที่ของอินเดีย

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียได้เรียกประชุมทุกพรรคการเมืองรวมทั้งพรรคฝ่ายค้านในวันนี้ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเชบาซ ชารีฟของปากีสถานได้เรียกประชุมคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติในเช้าวันนี้ หลังจากอินเดียประกาศมาตรการกับปากีสถาน

India's PM posts after militant attack in Kashmir
นายกฯ อินเดียโพสต์ประณาม

Final Thought: จนถึงขณะนี้รัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจบานปลาย แนวโน้มขึ้นกับว่า แต่ละฝ่ายจะใช้มาตรการตอบโต้กันอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า ทั้ง 2 ประเทศที่ต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองยังไม่สามารถใช้วิถีทางทางการทูตในการแก้ไขความขัดแย้งที่ดำเนินมาร่วม 80 ปี และปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว จนกว่าจะมีทางออกที่ยั่งยืน.-814.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]