ซิดนีย์ 2 มิ.ย.- ออสเตรเลียกำลังสอบสวนเหตุการณ์ตำรวจอเมริกันทำร้ายผู้สื่อข่าวและช่างภาพสถานีโทรทัศน์ออสเตรเลียที่กำลังถ่ายทอดสดการสลายผู้ประท้วงหน้าทำเนียบขาว
นางมารีส เพย์น รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุเอบีซี (ABC) ว่า ได้ขอให้สถานทูตออสเตรเลียในกรุงวอชิงตันสอบสวนเรื่องนี้แล้ว และต้องการคำแนะนำว่าจะแสดงความกังวลอย่างจริงจังนี้ต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในกรุงวอชิงตันได้อย่างไร ส่อนัยว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะยื่นคำร้องแสดงความไม่พอใจอย่างเป็นทางการต่อไป รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียเลี่ยงที่จะวิจารณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โดยตรง ด้วยการกล่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งยากอย่างยิ่งสำหรับสหรัฐ ออสเตรเลียสนับสนุนสิทธิของประชาชนที่จะประท้วงอย่างสันติอยู่เสมอ และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง
ภาพที่กำลังถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ 7NEWS เห็นผู้สื่อข่าวหญิงเอมิเลีย เบรซ ถูกตำรวจใช้กระบองตี ส่วนนายทิม ไมเออร์ส ช่างภาพ ถูกตำรวจใช้โล่ปราบจลาจลผลักอก ขณะกำลังถ่ายทอดสดการสลายผู้ประท้วงที่จัตุรัสลาฟาแยตต์เมื่อวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ ทั้งคู่เผยว่า ถูกตำรวจยิงกระสุนยิงและแก๊สน้ำตาตามหลังด้วย เหตุการณ์นี้ถูกออกอากาศไปทั่วออสเตรเลีย เอเอฟพีรายงานเสริมว่า เป็นการสลายผู้ประท้วงเพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีทรัมป์เดินข้ามถนนไปให้สื่อถ่ายภาพที่โบสถ์เซนต์จอห์นส์ หลังเสร็จสิ้นการแถลงที่ทำเนียบขาว
ขณะเดียวกันมีคนกว่า 1,000 คน ชุมนุมหน้าสถานกงสุลสหรัฐในนครซิดนีย์เพื่อแสดงพลังร่วมกับผู้ประท้วงชาวอเมริกัน และเรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลียเองหาทางหยุดยั้งการใช้ความรุนแรงกับชนพื้นเมืองในประเทศด้วยเช่นเดียวกัน ผู้ชุมนุมคนหนึ่งกล่าวว่า การเคลื่อนไหวเรื่องชีวิตคนดำมีความสำคัญ (Black Lives Matter) เป็นเรื่องระดับโลก ไม่ใช่แค่ในสหรัฐเท่านั้น คนดำในออสเตรเลียกำลังตายมากพอ ๆ กับในสหรัฐ ข้อมูลขององค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่า ช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา มีคดีชนพื้นเมืองเสียชีวิตขณะถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเพิ่มขึ้น 420 คดี.-สำนักข่าวไทย