12 พ.ค.- หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้มงวด แต่วอนประชาชนยังคงระมัดระวังตัวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดโดยขอให้ประชาชนยังคงระมัดระวัง และพยายามอยู่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะไปเป็นได้ รวมทั้งเรียกร้องให้รักษาระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัย ขณะที่มีการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง คาดว่าในเดือนมิถุนายน บางโรงเรียนและร้านค้าหลายแห่งสามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติ
ส่วนที่แคนาดา นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ยืนยันรัฐบาลพยายามหาวิธีการที่ดีสุดในการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้อีกครั้ง แต่ต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อไม่ให้ความพยายามและความเสียสละของประชาชนที่ผ่านมาในการควบคุมการแพร่ระบาดต้องสูญเปล่าหากรัฐบาลตัดสินใจผิดพลาด ท่าทีของผู้นำแคนาดามีขึ้น ขณะที่โรงเรียนหลายแห่งในรัฐควิเบกเริ่มเปิดเรียนทั้งที่เป็นพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในแคนาดา
ที่สาธารณรัฐเช็ก มีการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดหลายอย่าง ร้านอาหาร ร้านเหล้า และร้านกาแฟกลับมาเปิดบริการ แต่ต้องรับประทานนอกร้าน โรงภาพยนตร์เปิดให้บริการได้แต่ต้องจำกัดผู้ชมได้ไม่เกิน 100 คน รวมทั้งต้องรักษาระยะห่างทางสังคม เด็กๆ กลับไปเรียนหนังสือได้โดยสมัครใจ แต่ต้องไม่เกินห้องละ 15 คน ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการแต่ลูกค้าต้องรักษาระยะห่างอย่างเข้มงวด รวมทั้งต้องสวมหน้ากากอนามัย สาธารณรัฐเช็ก มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 280 คน
ส่วนที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีการเปิดไฟตึกเบิร์จ คาลิฟา ตึกสูงที่สุดในโลกเพื่อขอรับเงินบริจาคช่วยผู้ป่วยโรคโควิด-19 และครอบครัวของผู้ป่วยเพื่อนำไปจัดหาอาหารจำนวน 1.2 ล้านชุดให้ผู้ที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาด ปรากฏว่า ยอดบริจาคเงินที่ได้ทะลุเกินเป้าหมายไปมาก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พบผู้ติดเชื้อเกือบ 19,000 คน เสียชีวิต 201 คน.-สำนักข่าวไทย