วอชิงตัน 29 เม.ย.- กระทรวงมาตุภูมิสหรัฐเปิดเผยรายละเอียดผลการศึกษาเรื่องรังสีอัลตราไวโอเลตหรือยูวี (UV) ฆ่าเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังจากเสนอรายงานสรุปต่อทำเนียบขาวไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
เจ้าหน้าที่กระทรวงอธิบายกับสื่อเมื่อวานนี้ว่า ปริมาณไวรัสบนพื้นผิวที่ไม่มีรูพรุนลดลงถึงครึ่งหนึ่งภายในเวลาเพียงสองนาทีหากถูกแสงแดดที่อุณหภูมิ 21-24 องศาเซลเซียส ความชื้นร้อยละ 80 และจะลดลงถึงครึ่งหนึ่งภายในเวลาเพียง 1 นาทีครึ่งที่อุณหภูมิห้องและความชื้นร้อยละ 20 นักวิทยาของกระทรวงที่ดูแลการศึกษานี้อธิบายเพิ่มเติมว่า แสงที่ใช้ในการทดลองเป็นแบบเดียวกับแสงแดดธรรมชาติช่วงเที่ยงของการเข้าสู่ฤดูร้อนที่ระดับน้ำทะเล ณ สถานที่ละติจูดปานกลาง หากระบุอย่างเจาะจงก็เทียบเท่าความยาวคลื่นของแสงแดดในช่วง 280-400 นาโนเมตรที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเที่ยงวันที่ 21 มิถุนายนที่ระดับน้ำทะเลของสถานที่ตำแหน่ง 40 องศาเหนือ ทางตอนกลางของมหาสมุทรแอตแลนติก
เอเอฟพีระบุว่า ความยาวคลื่นในช่วง 280-400 นาโนเมตรเป็นรังสียูวีเอและยูวีเอจากดวงอาทิตย์ที่สามารถทะลุชั้นบรรยากาศโลก เดวิด แบรนเนอร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยรังสีวิทยา ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคลัมเบียแย้งผลการศึกษาของกระทรวงมาตุภูมิว่า รังสียูวีเอทำให้ผิวของคนมีสีเข้มขึ้นและแก่ลง แต่ไม่เคยมีการวิจัยพบว่าทำอันตรายต่อไวรัสได้ ต่างจากรังสียูวีซีที่ใช้เปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรมของเซลล์สัตว์และไวรัส มักใช้ในหลอดไฟฆ่าเชื้อ แต่ไม่พบในแสงแดดเพราะถูกชั้นบรรยากาศโลกกรองไว้.- สำนักข่าวไทย