โรม 19 มิ.ย.- สถาบันสุขภาพแห่งชาติอิตาลีหรือไอเอสเอส (ISS) เผยผลการศึกษาจากตัวอย่างน้ำเสียว่า เชื้อไวรัสโคโรนาอยู่ในเมืองใหญ่สองแห่งทางเหนือของอิตาลีตั้งแต่เดือนธันวาคมแล้ว ก่อนพบผู้ป่วยในประเทศรายแรกเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์
ไอเอสเอสแถลงวันนี้ว่า คณะนักวิจัยคุณภาพน้ำได้ตระเวนเก็บตัวอย่างน้ำเสีย 40 ตัวอย่างระหว่างเดือนตุลาคม 2562-กุมภาพันธ์ 2563 ผลการตรวจของห้องทดลองปฏิบัติการ 2 แห่งที่ใช้วิธีแตกต่างกันยืนยันว่า พบร่องรอยพันธุกรรมของเชื้อ Sars-Cov-2 ที่ทำให้เป็นโรคโควิด-19 ในตัวอย่างน้ำเสียที่เก็บมาจากเมืองมิลานและเมืองตูรินเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม และจากเมืองโบโลญญาเมื่อวันที่ 29 มกราคม แต่ไม่พบในตัวอย่างที่เก็บระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน แสดงว่าช่วงเวลานั้นเชื้อยังไม่ได้เข้ามาในอิตาลี ขณะที่อิตาลีพบผู้ป่วยในประเทศรายแรกที่ไม่ใช่คู่สามีภรรยาชาวจีนในเมืองโคดอญโญ แคว้นลอมบาร์เดีย รัฐบาลประกาศให้เมืองนี้เป็นเขตสีแดงและสั่งปิดเมืองในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ก่อนขยายไปยังเมืองอื่น ๆ จนกระทั่งปิดทั้งประเทศในต้นเดือนมีนาคม
ไอเอสเอสระบุว่า ผลการวิจัยช่วยให้เข้าใจเรื่องจุดเริ่มต้นของการระบาดในอิตาลีได้ดีขึ้น และช่วยยืนยันสิ่งที่นานาชาติให้การยอมรับแล้วว่า ตัวอย่างน้ำเสียสามารถใช้เป็นเครื่องมือตรวจหาเชื้อไวรัสได้แต่เนิ่น ๆ การที่ผู้ป่วยจำนวนมากไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อย ทำให้การตรวจตัวอย่างน้ำเสียช่วยบอกได้ว่ามีเชื้อไวรัสอยู่ในชุมชนแล้วหรือไม่ก่อนที่จะพบผู้ป่วยรายแรก ดังนั้นขอให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยประสานเรื่องการเก็บตัวอย่างน้ำเสียและน้ำที่ทางเข้าโรงบำบัดน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อนำมาตรวจหาเชื้อและเฝ้าระวังแต่เนิ่น ๆ ไอเอสเอสเตรียมทำโครงการศึกษานำร่องตามสถานที่ท่องเที่ยวในเดือนหน้า และคาดว่าจะวางเครือข่ายเฝ้าระวังน้ำเสียทั้งประเทศได้ภายในฤดูใบไม้ร่วงนี้.- สำนักข่าวไทย