ตริโปลี 6 ก.ค.- คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) เรียกร้องให้หยุดยิงในลิเบีย หลังจากการสู้รบนาน 3 เดือน ทำให้มีคนล้มตายแล้ว 1,000 คน ในจำนวนนี้ 53 คน เป็นผู้เข้าเมืองที่ถูกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มศูนย์พักพิงเมื่อวันอังคาร
ยูเอ็นเอสซี ออกแถลงการณ์ประณามการถล่มศูนย์พักพิงทางตะวันออกของกรุงตริโปลี ที่มีคนพำนักอยู่ประมาณ 600 คน ส่วนใหญ่เป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้านในทวีปแอฟริกา พร้อมกับย้ำให้ทุกฝ่ายเร่งคลี่คลายความตึงเครียด หยุดยิง กลับไปเจรจาทางการเมือง และเคารพมาตรการคว่ำบาตรอาวุธลิเบียอย่างเคร่งครัด ก่อนหน้านี้ ยูเอ็นเรียกร้องให้เปิดการสอบสวนอิสระว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด
ประธานาธิบดีเรเจพ ทายยิพ แอร์โดอาน ของตุรกี เรียกร้องให้กลุ่มของนายคาลิฟา ฮาฟตาร์ ที่ยึดครองภาคตะวันออกและภาคใต้ของลิเบีย ยุติปฏิบัติการโจมตีที่เปิดฉากเมื่อต้นเดือนเมษายน หวังยึดกรุงตริโปลีจากจีเอ็นเอ (GNA) รัฐบาลชั่วคราวลิเบียที่ตั้งขึ้นตามข้อตกลงการเมืองลิเบียที่ยูเอ็นเป็นผู้ริเริ่ม องค์การอนามัยโลก ระบุว่า การสู้รบทั้งทางบกและทางอากาศ ทำให้มีผู้คนล้มตายแล้วร่วมพันคน บาดเจ็บอีกราว 5,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนกว่าแสนคน จีเอ็นเอได้รับการสนับสนุนจากตุรกีและกาตาร์ ขณะที่นายฮาฟตาร์ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ และสหรัฐ
ลิเบียกลายเป็นเส้นทางหลักที่ผู้เข้าเมืองจากประเทศอื่นในทวีปแอฟริกาใช้เป็นทางผ่านหวังข้ามไปยังยุโรป แต่กลับต้องไปติดอยู่ท่ามกลางการสู้รบของกลุ่มต่าง ๆ ในลิเบีย ข้อมูลของยูเอ็นเผยว่า มีผู้เข้าเมืองและผู้ลี้ภัยพักอยู่ตามศูนย์พักพิงในลิเบียประมาณ 5,700 คน ในจำนวนนี้ 3,300 คน เสี่ยงภัยจากการสู้รบทั้งในและรอบกรุงตริโปลี.-สำนักข่าวไทย