29 พ.ค. – สงครามการค้าจากมาตรการภาษีสหรัฐมาถึงจุดผกผัน เมื่อศาลสหรัฐมีคำตัดสินสกัดกั้นแล้ว เพราะขัดกับกฎหมาย
ทั่วโลกขานรับด้วยความยินดีกับคำตัดสินของศาล เพราะมาตรการภาษีสร้างความปั่นป่วนแม้จะไม่ได้บังคับเต็มรูปแบบ แต่ยังมีความไม่แน่นอนตามมาอยู่เช่นเดิมว่ารัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะงัดอะไรออกมาต่อสู้
ตลาดทุนตอบรับด้วยความยินดี ดัชนีหลักทรัพย์ขยับเพิ่มขึ้นสอดรับกับข่าวดี ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับเพิ่มทันที ฝ่ายการเมือง ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ชื่นชมคำสั่งศาลที่สกัดกั้นการใช้อำนาจบริหารของประธานาธิบดี เรียกว่า “เป็นชัยชนะของครอบครัวแรงงาน” บ้างเตือนว่ายังต้องต่อสู้ต่อไปเพื่อกำจัดความวุ่นวายจากนายทรัมป์ หลายคนบอกสมควรแล้ว เป็นการปกป้องธุรกิจและครอบครัวจากภาษีที่โหดร้าย สอดคล้องกับคนแทบทุกมุมโลกที่ตกอยู่ในภาวะตื่นกลัวมานานกับสภาพซบเซา หาปัจจัยบวกไม่เจอ เศรษฐกิจซึมยาวตั้งแต่ยุคโควิด
วันที่ 2 เมษายน นายทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีที่เขาเรียกว่า ภาษีวันปลดแอก เพื่อยุติการเอารัดเอาเปรียบจากคู่ค้า หวังให้เป็นแหล่งรายได้ ตัดลดการขาดดุลงบการค้า สร้างงานภายในประเทศ ตามนโยบายหลักของเขา เพื่อสร้างอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายสภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ ปี 1977 หรือ IEEPA อ้างว่าสหรัฐกำลังเผชิญภาวะฉุกเฉิน โดยที่ไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
จนกระทั่งนาทีนี้ ภาษีทรัมป์ถูกขวางแล้วด้วยอำนาจตุลาการ ศาลการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับเรื่องฟ้องร้องจากกลุ่มธุรกิจผู้เสียหาย และรัฐต่างๆ กว่า 10 รัฐ ที่รวมตัวกันเป็นโจทก์ร่วมคณะผู้พิพากษา 3 คน ซึ่งมีคนหนึ่งแต่งตั้งโดยนายทรัมป์เอง มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่ามีคำวินิจฉัยว่าการออกคำสั่งเก็บภาษีของนายทรัมป์ เป็นการอำนาจเกินเลยขอบเขตของกฎหมาย IEEPA คำวินิจฉัยยังระบุว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้กำหนดให้ภาษีเป็นเครื่องมือของประธานาธิบดี ในการปกป้องประเทศจากภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ
หลังมีคำตัดสินทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์ทันที แต่เจ้าตัวยังไม่มีคำแถลง เพียงแต่โพสต์ทางสื่อออนไลน์ เป็นภาพเขาบนป้ายโฆษณา ที่มีข้อความว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกในทุกๆ เรื่อง จากนั้นเจ้าหน้าที่รัฐบาลได้ประณามคำสั่งศาลว่าเป็นการรัฐประหารโดยฝ่ายตุลาการที่ควบคุมไม่ได้ ย้ำจุดยืนเดิมที่เกิดความขัดแย้งกับตุลาการว่าผู้พิพากษาไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ควรมีอำนาจขัดขวางฝ่ายบริหาร
สำหรับการอุทธรณ์ของทำเนียบขาว กำลังส่งต่อไปยังศาลอุทธรณ์ และน่าจะไปจบที่ศาลฎีกา ซึ่งต้องใช้กระบวนการและเวลาอีกยาวนาน ระยะเวลาจากนี้ไปที่ยังไร้ความแน่นอน นักเศรษฐศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่านี่อาจเป็นโอกาสให้ยุติสงครามการค้า เพื่อทำข้อตกลงกันได้ แต่อาจมีสิ่งที่น่ากลัวตามมา นายทรัมป์อาจรู้สึกยั่วยุ และมองว่าฝ่ายตุลาการล้ำเส้น แล้วต้องเปิดศึกใหญ่ด้วยการปฏิเสธคำสั่งหรือออกมาตรการที่รุนแรงขึ้นมา
ในเบื้องต้นคำตัดสินของศาลครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อยุทธศาสตร์การค้าของนายทรัมป์ ในการสร้างอำนาจต่อรอง แต่นักกฎหมายเชื่อว่ารัฐบาลอาจมีทางออกด้วยการขอให้ระงับคำตัดสินไว้ชั่วคราว และหันไปใช้มาตรการทางกฎหมายอื่น เพื่อเก็บภาษีในรูปแบบใหม่
ในทางการเมืองอาจเป็นการเสียรังวัดของนายทรัมป์ แต่ในระยะยาวยังบอกยาก เพราะการยกเลิกมาตรการภาษีน่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่า แล้วนายทรัมป์ยังสามารถบอกกับฐานเสียงว่าศาลเป็นผู้ขัดขวางนโยบายหาเสียงของเขา.-สำนักข่าวไทย