15 พ.ค. – นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กำลังไปเยือนตะวันออกกลาง ผลของการเยือนที่สำคัญที่สุด คือการปรับสัมพันธ์กับซีเรีย ที่จะนำไปสู่ยุคใหม่ของประเทศ
วันนี้ซีเรียถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ จากประเทศที่อยู่ใต้เผด็จการนานหลายสิบปีแทบล่มสลาย กำลังมีความหวังที่จะพลิกฟื้นขึ้นใหม่ เป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์และอาจนำมาสู่ยุคใหม่ของตะวันออกกลาง
ผู้นำสหรัฐพบปะกับผู้นำรักษาการณ์ของซีเรีย อดีตหัวหน้ากลุ่มติดอาวุธที่สหรัฐเองตั้งค่าหัวไว้ 10 ล้านดอลลาร์ จากการเป็นเจ้าภาพของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บินซัลมาน ผู้นำซาอุดีอาระเบีย ทำให้เป็นการพบกันของผู้นำสหรัฐกับซีเรีย เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว นายอาห์เหม็ด อัล-ชารา นำแนวร่วมกลุ่มติดอาวุธโค่นระบบเผด็จการอัล-อัสซาด ที่ผูกขาดอำนาจมา 50 ปี ได้สำเร็จ กลายเป็นวีรบุรุษของชาวซีเรีย และได้กลายเป็นบุคคลที่นายทรัมป์ชื่นชมว่าเป็นคนหนุ่มมีเสน่ห์ แล้วยังเป็นนักสู้ที่มีประวัติแข็งแกร่ง
ชาวซีเรียทั้งประเทศต่างยินดีตั้งแต่นายโดนัล ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศว่าจะยกเลิกมาตรการลงโทษซีเรีย ในฐานะรัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายที่ใช้มานานกว่า 50 ปี เท่ากับว่าซีเรียเริ่มก้าวแรกเพื่อหวนกลับเข้าสู่ประชาคมโลกอีกครั้ง
นี่เป็นจุดเปลี่ยนจากที่สหรัฐเคยกำหนดให้นายอัล-ชารา อยู่ในบัญชีผู้ก่อการร้าย ในฐานหัวหน้ากลุ่มแนวร่วมอัลนุสรา ที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์ เคยโจมตีต่อสู้กับทหารสหรัฐหลายปี โดยชี้ว่าเป็นการให้โอกาสรัฐบาลรักษาการณ์ของซีเรีย และเตรียมรื้อฟื้นสัมพันธ์ทางการทูต โดยมีเงื่อนไข 12 ข้อ เช่น ร่วมมือกันกำจัดกลุ่มก่อการร้าย กำจัดอาวุธเคมีที่หลงเหลืออยู่ และปรับสัมพันธ์กับอิสราเอลในที่สุด
ส่วนนายอัล-ชารา ชื่นชมการตัดสินใจยกเลิกมาตรการลงโทษ ว่าเป็นความกล้าหาญที่จะช่วยกำจัดความทุกข์ของชาวซีเรีย ช่วยพลิกฟื้นประเทศ และวางรากฐานเพื่อเสถียรภาพของภูมิภาค ซีเรียยุคใหม่กำลังเกิดใหม่ นายอัล-ชารา ไม่ได้กล่าวเกินเลยไป
15 ปีแล้วที่ชาวซีเรีย ต้องจมดิ่งสู่หุบเหวแห่งการทำลายล้าง การประท้วงอาหรับสปริงส์ นำไปสู่การปราบปรามของรัฐบาลนายบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ต้องการรักษาอำนาจต่อไป จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง และการโดดเดี่ยวจากนานาชาติ บ้านเมืองล่มสลายหรือเป็นเศษซาก 90 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรกลายเป็นผู้อยู่ในภาวะยากจน ที่เหลือหลายแสนคนหลบหนีไปกลายเป็นผู้อพยพในต่างแดน
เมื่อโค่นอำนาจนายอัสซาดได้ การจะรื้อฟื้นประเทศยังมีอุปสรรคสำคัญ คือมาตรการลงโทษที่นี่เอง ที่กำหนดห้ามบุคคล บริษัท หรือรัฐบาลใดๆ มีสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับซีเรีย และขัดขวางซีเรียไม่ให้เข้าถึงระบบการเงินโลก เมื่อยกเลิกไป ชาติต่างๆ ที่เคยเกรงกลัวผลกระทบ ก็จะเริ่มลงทุนและค้าขายในซีเรียมากขึ้น ไม่แปลกที่ประชาชนชาวซีเรียพากันฉลองที่ประเทศจะเริ่มลืมตาอ้าปากได้
สำหรับผลพวงของซีเรียต่อการเมืองภาพใหญ่ในตะวันออกกลาง ยิ่งน่าทึ่งรัฐบาลนายทรัมป์ ตัดสินในเข้าโอบอุ้มซีเรียเช่นนี้ แม้ว่านายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดแนบแน่น ขอร้องไม่ให้ยกเลิกมาตรการลงโทษ เพราะเกรงจะไปส่งเสริมกลุ่มก่อการร้ายอีก ยิ่งไปกว่านั้นสหรัฐยังได้กำหนดเงื่อนให้ซีเรียเปิดสัมพันธ์กับอิสราเอล ศัตรูของชาติมุสลิมอาหรับ ในขั้นต่อไปสหรัฐน่าจะผลักดันให้ซาอุดีอาระเบีย เปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลต่อไป จากที่เคยเกือบทำได้สำเร็จแต่ต้องล้มพับไปเมื่อเกิดเหตุวันที่ 7 ตุลาคม ที่ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล หากทำได้จริงจะเป็นการพลิกโฉมภูมิรัฐศาสตร์ตะวันออกกลาง
สำหรับซีเรีย วันนี้มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ จากประเทศแหล่งก่อการร้าย ร่อแร่ล่มสลาย มาเป็นประเทศที่กำลังลุกขึ้นยืนใหม่พร้อมการโอบอุ้ม นำมาสู่ยุคใหม่ของตะวันออกกลาง ฟ้าใหม่ในซีเรีย-พลิกโอกาสสู่ยุคใหม่ตะวันออกกลาง.-สำนักข่าวไทย