ค็อกซ์บาซาร์ 29 ก.ย. – ชาวมุสลิมโรฮิงญาเสียชีวิตจากการจมน้ำอย่างน้อย 15 ราย และสูญหายไปอีกเป็นจำนวนมาก หลังจากเรือที่บรรทุกผู้อพยพชาวโรฮิงญาหลายครอบครัวเกิดล่มนอกชายฝั่งบังกลาเทศเมื่อวานนี้ ในขณะที่เลขาธิการยูเอ็นเรียกร้องให้ผู้นำเมียนมายุติสิ่งที่เขาเรียกว่าฝันร้ายของผู้อพยพ
ผู้เห็นเหตุการณ์และผู้รอดชีวิตจากเหตุเรือล่มเปิดเผยว่า เรือที่บรรทุกผู้อพยพชาวโรฮิงญาล่มในขณะที่เหลือระยะทางอีกไม่กี่เมตรก็จะถึงชายฝั่งของบังกลาเทศ แต่สภาพทะเลมีคลื่นแรง ลมแรงและมีฝนตกหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจบังกลาเทศกล่าวว่า พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย โดยเป็นเด็กอย่างน้อย 10 ราย และสตรีอีก 4 ราย แต่เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะมากกว่านี้
วิกฤติการณ์โรฮิงญาที่ขยายตัวมากขึ้นทำให้สมาชิก 15 ชาติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต้องจัดการประชุมในเรื่องเมียนมา ซึ่งเป็นการประชุมแบบเปิดเรื่องเมียนมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา แต่ที่ประชุมก็ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใด ๆ ร่วมกันได้ โดยสหรัฐได้กล่าวโจมตีเมียนมาว่าดำเนินความพยายามในการกวาดล้างชนกลุ่มน้อย ในขณะที่จีนและรัสเซียสนับสนุนเจ้าหน้าที่เมียนมา ทางด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติกล่าวเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เมียนมายุติปฎิบัติการทางทหารและเปิดทางให้หน่วยงานบรรเทาทุกข์สามารถเดินทางเข้าไปให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในรัฐยะไข่ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศได้ เขากล่าวด้วยว่า สถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นวิกฤติการณ์ด้านผู้อพยพอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก และยังเป็นฝันร้ายในด้านการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน และจะมีการจัดการประชุมผู้บริจาคให้ความช่วยเหลือในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ ชาวโรฮิงญามากกว่า 5 แสนคนอพยพหนีความรุนแรงไปยังบังกลาเทศเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากกองทัพเมียนมาเปิดฉากการโจมตีปราบปรามกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญาที่ก่อเหตุโจมตีสถานีตำรวจในรัฐยะไข่.-สำนักข่าวไทย