เปิดผลวิจัยล่าสุดที่น่ากังวลขณะโลกประชุมโลกร้อน

firefighters handle wild fire

บากู 12 พ.ย. – รอยเตอร์เปิดเผยผลการวิจัยด้านสภาพอากาศล่าสุดที่น่ากังวล ในขณะที่การประชุมโลกร้อนสมัยล่าสุดเปิดฉากขึ้นที่อาเซอร์ไบจาน เมื่อวานนี้


การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 29 หรือคอป 29 (COP29) ที่กรุงบากูของอาเซอร์ไบจาน ประเทศริมทะเลแคสเปียนที่อยู่ระหว่างเอเชียกับยุโรป จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน ส่งท้ายปี 2567 ที่โลกทำสถิติร้อนที่สุดครั้งใหม่ รอยเตอร์รายงานอ้างนักวิทยาศาสตร์ว่า มีหลักฐานยืนยันว่า ภาวะโลกร้อนและผลกระทบกำลังส่งผลเร็วกว่าที่คาดการณ์กัน พร้อมกับยกตัวอย่างผลการวิจัยด้านสภาพอากาศล่าสุดที่น่ากังวลหลายประการดังต่อไปนี้

World leaders gather for family photo at COP29

1.โลกอาจร้อนขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสแล้ว


แวดวงนักวิทยาศาสตร์กำหนดเกณฑ์ให้ประชาคมโลกต้องควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงและไม่สามารถแก้ไขได้ ล่าสุดกลุ่มนักวิจัยได้ออกคำแนะนำในรายงานการศึกษาที่เผยแพร่ 1 วันก่อนเปิดการประชุมคอป 29 ว่า โลกอาจมีอุณหภูมิสูงขึ้นเกินจากเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว โดยอ้างอิงจากการวิเคราะห์ก๊าซในชั้นบรรยากาศอายุ 2,000 ปีที่ถูกดูดซับอยู่ในแกนน้ำแข็งของแอนตาร์กติกที่อยู่ใต้สุดของโลก ครอบคลุมช่วงเวลาก่อนหน้ายุคก่อนอุตสาหกรรม คือก่อนปี ค.ศ.1750 ไปอีกมาก และหากใช้อุณหภูมิปี ค.ศ.1850-1900 ที่นักวิทยาศาสตร์มักใช้เป็นเกณฑ์ในการเปรียบเทียบกับอุณหภูมิในปัจจุบัน ถือว่าขณะนี้โลกร้อนขึ้นเกือบ 1.3 องศาเซลเซียสแล้ว

2.เฮอริเคนเพิ่มพลัง

กระแสน้ำในมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นนอกจากทำให้พายุที่พัดผ่านทวีความรุนแรงขึ้นแล้ว ยังทำให้พายุทวีความรุนแรงเร็วขึ้นอีกด้วย เช่น เฮอริเคนมิลตันที่ใช้เวลาเพียง 1 วันขณะเคลื่อนตัวเหนืออ่าวเม็กซิโกเมื่อเดือนตุลาคม ทวีกำลังแรงขึ้นจากพายุโซนร้อนกลายเป็นเฮอริเคนรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอ่าวเม็กซิโก และพัดถล่มฝั่งตะวันตกของรัฐฟลอริดาของสหรัฐ ขณะที่อากาศที่อุ่นขึ้นจะทำให้เกิดความชื้นมากขึ้น เป็นเหตุให้พายุพัดพาเอาฝนปริมาณมากไปตกกระหน่ำในพื้นที่ที่พัดผ่าน ดังที่เฮอริเคนเฮลีนทำให้หลายพื้นที่ในสหรัฐเกิดน้ำท่วมใหญ่ในเดือนกันยายน


Milton's wrath along Florida barrier island
ความเสียหายจากเฮอริเคนมิลตัน

3.การเสียชีวิตจากไฟป่า

ภาวะโลกร้อนกำลังทำให้ทางน้ำเหือดแห้งและดูดซับเอาความชื้นไปจากผืนป่า กลายเป็นภาวะที่เอื้อต่อการเกิดไฟป่าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีความร้อนมากขึ้น ไล่ตั้งแต่ฝั่งตะวันตกของสหรัฐและแคนาดาไปจนถึงตอนใต้ของยุโรปและตะวันออกสุดของรัสเซีย ก่อให้เกิดหมอกควันที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ผลการวิจัยที่เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคมคำนวณว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากควันไฟป่าในช่วงคริสต์ทศวรรษหลังปี 2010 ราวร้อยละ 13 หรือราว 12,000 คน อาจเป็นผลจากไฟป่าที่เกิดขึ้นเพราะภาวะโลกร้อน

4.ปะการังฟอกขาว

ขณะนี้ปะการังโลกราว 1 ใน 4 เกิดภาวะฟอกขาวแล้ว ถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา นักวิทยาศาสตร์วิตกว่า ปะการังโลกอาจเลยจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว

coral reef bleaching

5.สัญญาณเตือนภัยจากป่าแอมะซอน

ป่าแอมะซอนส่วนที่อยู่ในบราซิลตกอยู่ในภาวะแห้งแล้งเลวร้ายที่สุดและกินวงกว้างมากที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2493 น้ำในแม่น้ำปีนี้แตะระดับต่ำที่สุด และป่าถูกทำลายจากไฟป่า เพิ่มความกังวลมากยิ่งขึ้นไปจากที่มีผลการศึกษาเมื่อต้นปีนี้ว่า ภายในปี 2593 พื้นที่ป่าแอมะซอนราวร้อยละ 10-47 จะเผชิญแรงกดดันจากความร้อนและภัยแล้งรวมกัน อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยอื่น ๆ เป็นเหตุให้ป่าไม่สามารถสร้างความชื้นให้แก่ต้นไม้ได้อย่างเพียงพอ จนถึงขั้นที่ระบบนิเวศอาจแปรสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม

major Amazon tributary hits record low in Brazil
แม่น้ำสายหนึ่งในป่าแอมะซอน

6.ภูเขาไฟปะทุมากขึ้น

นักภูเขาไฟวิทยาเกรงว่า ภาวะโลกร้อนอาจทำให้ภูเขาไฟปะทุถี่ขึ้น เช่น ที่ไอซ์แลนด์ ภูเขาไฟดูเหมือนจะตอบสนองต่อการที่ธารน้ำแข็งละลายเร็วขึ้น เพราะเมื่อน้ำแข็งละลาย เปลือกโลกและเนื้อโลกจะมีแรงกดลดลง อาจทำให้หินหนืดหรือแมกมาใต้เปลือกโลกเกิดความแปรปรวนและมีการสะสมตัวมากขึ้น เพิ่มแรงกดภายในโลกจนกระทั่งภูเขาไฟเกิดการปะทุขึ้น ปัจจุบันมีภูเขาไฟที่มีความเสี่ยงลักษณะนี้ประมาณ 245 ลูก เพราะตั้งอยู่ใกล้หรือใต้ธารน้ำแข็ง

Iceland's volcanoes
ภูเขาไฟที่ไอซ์แลนด์

7.สายธารลำเลียงน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกไหลช้าลง

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า มหาสมุทรแอตแลนติกที่อุ่นขึ้นอาจเร่งให้สายธารลำเลียงน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติก (AMOC) พังลงได้ สายธารนี้ลำเลียงกระแสน้ำอุ่นจากเขตร้อนไปยังแอตแลนติกตอนเหนือ ช่วยให้ฤดูหนาวของยุโรปไม่หนาวจัดมากเกินไปมาตลอดหลายศตวรรษ ผลการวิจัยในปี 2561 พบว่า สายธารนี้ไหลช้าลงราวร้อยละ 15 นับจากปี 2493 และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้มีงานวิจัยเตือนว่า สายธารนี้อาจไหลช้าลงมากกว่าที่คิดกันก่อนหน้านี้.-814.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

รวบหนุ่มจีนพร้อมสาวไทย เอี่ยวฟอกเงินหลอกลงทุนคริปโต

ตำรวจไซเบอร์รวบหนุ่มจีนพร้อมสาวไทย กินหรูอยู่สบาย เอี่ยวฟอกเงินขบวนการหลอกลงทุนคริปโต พบเกี่ยวพันอีก 28 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ