เปิดบริการชำระภาษีรถประจำปี ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – กรมการขนส่งทางบก ครบรอบ 84 ปี เปิดตัวบริการรับชำระภาษีรถประจำปี ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สะดวกสบาย ทำได้ทุกที่ พร้อมให้บริการแล้ววันนี้


นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมการขนส่งทางบก ครบรอบ 84 ปี “ขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อการขนส่งที่ปลอดภัย สู่อนาคตที่ยั่งยืน” และร่วมเปิดตัวบริการรับชำระภาษีรถประจำปี ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมการขนส่งทางบก และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการชำระภาษีรถประจำปีให้ได้รับการบริการที่สะดวก สบาย ลดเวลาการเดินทาง เพิ่มช่องทางในการชำระภาษีรถผ่านระบบออนไลน์ สามารถชำระภาษีรถได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งพร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 84 ปี วันคล้ายวันสถาปนากรมการขนส่งทางบก ในนามของกระทรวงคมนาคม ขอแสดงความยินดีและขอขอบคุณผู้บริหารรวมไปถึงบุคลากรของกรมการขนส่งทางบกทุกท่าน ที่มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจสำคัญและมียุทธศาสตร์ขับเคลื่อนพัฒนาภารกิจที่ต่อเนื่องชัดเจน ตั้งแต่ก่อตั้งหน่วยงานจนถึงปัจจุบันในปีที่ 84 เพื่อประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนและประเทศชาติโดยรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม มีความมุ่งมั่นในการยกระดับหน่วยงานภาครัฐสู่เป้าหมายการปฏิบัติภารกิจที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนในยุคปัจจุบันซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี จึงมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก ยกระดับพัฒนาในด้านต่าง ๆ โดยการนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาใช้ เพื่อกำกับ ดูแล พัฒนาระบบการขนส่งทางถนน และการให้บริการประชาชน รวมถึงขยายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภายในและภายนอกกระทรวงคมนาคม อันนำมาซึ่งร่วมมือระหว่างกรมการขนส่งทางบก และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้พัฒนาเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้บริการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้เป็นผลสำเร็จ ลดภาระด้านเวลาและค่าใช้จ่าย


ในการเดินทางมาใช้บริการที่กรมการขนส่งทางบก สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมทั้งนี้ การร่วมมือกันของทั้ง 2 หน่วยงานในการพัฒนาบริการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ผ่านแอป “เป๋าตัง”จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนให้มีความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี มาปรับประยุกต์ใช้กับการกำกับ ดูแล พัฒนาระบบการขนส่งทางถนน และการให้บริการประชาชน อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 84 ปี กรมการขนส่งทางบกมุ่งมั่นพัฒนาระบบการขนส่งทางถนน ให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ ผ่านการควบคุม กำกับ ดูแล บังคับใช้กฎหมายเพื่อทำให้การใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัย รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้หน่วยงานภาครัฐพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนในรูปแบบดิจิทัล เพื่อช่วยลดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางลดการใช้กระดาษ (Paperless) โดยที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้บูรณาการร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาช่องทางการทำธุรกรรมการขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถ โดยตั้งแต่เปิดใช้ระบบดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนผู้ใช้บริการออกใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศแล้ว จำนวน 51,257 ฉบับ ซึ่งถือได้ว่าโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ในวันนี้จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมมือกันต่อยอดพัฒนาการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้สำเร็จ โดยจากที่แอปฯเป๋าตังในปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 40 ล้านราย ทำให้เชื่อได้ว่าระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มจำนวนรายได้จากการจัดเก็บภาษีรถประจำปีได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ต้องการชำระภาษีรถ ให้สามารถทำธุรกรรมทุกขั้นตอนได้ผ่านแอปฯเป๋าตัง ตั้งแต่การยื่นชำระภาษี ชำระเงิน และรอรับเครื่องหมายการเสียภาษีที่บ้านผ่านช่องทางไปรษณีย์ไทย ซึ่งระหว่างที่รอรับการจัดส่งเครื่องหมายฯ ยังสามารถแสดงเครื่องหมายการเสียภาษีผ่านแอปฯ เป๋าตังได้ภายในระยะเวลา 15 วันอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นกรมการขนส่งทางบกและธนาคารกรุงไทย ได้ร่วมกันต่อยอดไปอีกขั้นโดยการพัฒนาระบบการให้บริการต่ออายุใบอนุญาตขับรถผ่านแอปฯเป๋าตัง ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถเปิดให้ประชาชนใช้งานได้ภายในปี 2569 นอกจากนี้กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการวางระบบสำหรับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจดทะเบียนรถ (e-Service) โดยเป็นการยื่นเอกสารขอจดทะเบียนรถผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดระยะเวลาการจดทะเบียน ส่งผลให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และช่วยลดการใช้ป้ายแดงระหว่างรอการจดทะเบียนรถ โดยในปี 2569 จะนำร่องใช้กับการจดทะเบียนรถสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1) และรถจักรยานยนต์(รย.12) ก่อนขยายไปยังรถประเภทอื่นๆต่อไป

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย  กล่าวว่า  ความร่วมมือพัฒนาบริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านบริการ KlubRoad บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในครั้งนี้  ตอกย้ำความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม และธนาคารกรุงไทย ในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มายกระดับบริการขนส่งดิจิทัล  ต่อยอดจากบริการขอใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศแบบออนไลน์ผ่าน KlubRoad ที่มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 40% ภายในไม่ถึงปี สะท้อนถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อบริการดิจิทัลของรัฐ โดยมีการวางระบบ
ซึ่งจะรองรับการขยายไปสู่บริการต่ออายุใบขับขี่แบบออนไลน์ เชื่อมต่อระบบตรวจสุขภาพดิจิทัลในระบบนิเวศด้านสุขภาพ รวมถึงต่อยอดสู่บริการที่เกี่ยวข้องเช่น พ.ร.บ. ประกันภัย และการตรวจสอบคะแนนความประพฤติในการขับขี่แบบครบวงจรในแอปฯ เป๋าตัง และเดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศการขนส่งมวลชนผ่านระบบตั๋วร่วม M-Flow, M-Pass และการชำระค่าบริการด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการขนส่งที่สะดวกและทั่วถึง


“ธนาคารให้ความสำคัญกับการสนับสนุนภาครัฐในการพัฒนาบริการด้านการขนส่ง ที่เป็นหนึ่งใน 5 Ecosystems หลัก ที่กรุงไทยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน โดยนำโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เทคโนโลยีทางการเงินพัฒนา Smart Mobility อย่างเป็นรูปธรรม สร้างระบบนิเวศดิจิทัลด้านยานยนต์ อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการยกระดับการให้บริการของรัฐ และสอดรับกับเป้าหมายของธนาคารกรุงไทยในการนำนวัตกรรมมาขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนตามวิสัยทัศน์ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน”.-513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด เผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ หากเหตุการณ์ปะทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]