กทม. 15 มี.ค.-กทม.ผ่อนปรนการจัดประชุม งานนิทรรศการ จัดเลี้ยง บริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. ขณะที่ผู้ติดเชื้อใน กทม.แนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราคงที่ พบระบาดในสถานที่ทำงานเพิ่มขึ้น ประวัติเสี่ยงส่วนใหญ่ติดเชื้อภายในครอบครัว
หลังผู้ว่าฯ กทม.ออกประกาศกรุงเทพมหานครฯ ฉบับที่ 51 ที่มีผลตั้งแต่วันนี้ (15 มี.ค. 65) ที่ให้มีการผ่อนปรนการจัดกิจกรรมบางอย่างเพิ่มเติม คือ ให้สามารถจัดประชุม สัมมนา หรือการจัดงาน ในโรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน โดยถือปฏิบัติ ดังนี้ ให้ปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กรที่กำหนด ดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กำหนดอย่างเคร่งครัด การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานได้เฉพาะสถานที่ที่ผ่านการตรวจประเมิน SHA PLUS หรือ Thai Stop Covid 2 Plus แล้วเท่านั้น ให้บริการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. โดยให้มีการพิจารณาจำนวนผู้เข้าร่วมงานตามความเหมาะสมของสถานที่ภายใต้แนวทางดำเนินการตามประกาศฯ ฉบับที่ 45 (30 ต.ค.64) ข้อ 6 โดยกรณีนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ เจ้าของสถานที่ ผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการผู้ร่วมกิจกรรม และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ยังคงต้องดำเนินการตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่ต่อไป
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) ในที่ประชุมได้มีการรายงานสถานการณ์ทั่วไปของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราคงที่ พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน โดยเริ่มพบการระบาดในสถานที่ทำงานเพิ่มขึ้น ประวัติเสี่ยงส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อภายในครอบครัว และมีกิจกรรมร่วมกันโดยเฉพาะกิจกรรมที่มีการถอดหน้ากากอนามัย เช่น การรับประทานอาหาร และการทำงานที่มีความใกล้ชิด โดยกรุงเทพมหานครได้เน้นมาตรการการป้องกันบุคคลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งกำกับติดตามมาตรการ VUCA (Vaccine UP COVID Free Setting ATK) อย่างเข้มงวด ลดการรวมกลุ่ม เน้น Bubble & Seal (BBS) ภายในแคมป์ก่อสร้างโรงงานที่พบการระบาด เร่งรัดการฉีดวัคซีนก่อนเทศการสงกรานต์ เน้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่ม 608 รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้ประชาชนทราบถึงการปฏิบัติตัวในการป้องกันตนเองเมื่อสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 และแนวทางการรักษาที่เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ ปัจจุบันได้มีการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบ Outpatient with Self Isolation มาใช้ ทำให้สามารถช่วยแก้ปัญหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตกค้างให้สามารถเข้าสู่ระบบการรักษาได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น โดยการรักษาทางเลือกที่ผู้ติดเชื้อสมัครใจประเมินอาการแล้วรับยาที่คลินิกคัดกรองโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (ARI) มีการพิจารณาให้ยาตามอาการ เนื่องจากแต่ละคนมีอาการไม่เท่ากัน บางคนไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยซึ่งการรักษา สำหรับ OPD จะเหมือนระบบ Home Isolation (HI) เกือบทั้งหมด ยกเว้นจะไม่มีอุปกรณ์ตรวจประเมิน และไม่มีบริการอาหาร และจะมีการโทรศัพท์ติดตามอาการเพียง 1 ครั้งคือหลัง 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดต่อได้ตลอดเวลาหากมีอาการ หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย