ทำเนียบ 9 ก.พ.-นายกฯ ขอบคุณสหรัฐส่งมอบอุปกรณ์เพิ่มเติมต่อสู้โควิด-19 สะท้อนมิตรภาพสองประเทศและความมุ่งมั่นร่วมกัน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณรัฐบาลสหรัฐ และนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย สำหรับการส่งมอบอุปกรณ์เพิ่มเติมในการตรวจวินิจฉัยและการฉีดวัคซีนมูลค่ากว่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (49.5 ล้านบาท) ให้แก่ประเทศไทยในการต่อสู้โรคโควิด-19 น้ำใจไมตรีของสหรัฐสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของไทย-สหรัฐ มาเป็นระยะเวลายาวนาน รวมถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ต้องการแก้ไขสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ร่วมกัน
โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้ส่งมอบอุปกรณ์ในนามขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ซึ่งประกอบด้วย น้ำยาตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และตรวจหาการกลายพันธุ์ด้วยเทคโนโลยี NGS (Next Generation Sequencing) อุปกรณ์สำหรับการฉีดวัคซีน และชุดป้องกันร่างกายส่วนบุคคล โดยส่งมอบให้แก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ณ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่ง USAID ได้มอบความช่วยเหลือให้แก่รัฐบาลไทยในการรับมือกับโรคโควิด-19 แล้ว กว่า 12.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 409 ล้านบาท) ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐ พร้อมยังสนับสนุนไทยส่งเสริมศักยภาพในการวินิจฉัยโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ในช่วงแรกของการระบาด มอบอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไทย สื่อสารข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโรคโควิด-19 แก่แรงงานข้ามชาติและบุคคลในชุมชนที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพในการวินิจฉัยและกำลังคนในการตรวจโรค
“การส่งมอบการช่วยเหลือของสหรัฐ นับตั้งแต่การบริจาควัคซีนและการส่งมอบอุปกรณ์เพิ่มเติมในครั้งนี้ รวมถึงความช่วยเหลือที่มีมายาวนาน ช่วยเพิ่มขีดความสามารถและความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขไทยในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ และจะมีส่วนสำคัญในการลดอัตราการระบาดของโรคโควิด-19 และการตรวจหาการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รัฐบาลจะบริหารจัดการอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ได้รับนี้อย่างเหมาะสม และเกิดประโยชน์กับประชาชนคนไทยอย่างสูงสุดต่อไป” นายธนกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย
