ดาวเคราะห์น้อยตกและมองเห็นได้เหนือท้องฟ้าฟิลิปปินส์
ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กดวงหนึ่งพุ่งตกผ่านชั้นบรรยากาศโลก และเกิดการเผาไหม้จนมองเห็นได้เหนือท้องฟ้าที่ฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดแสงสว่างจ้า
ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กดวงหนึ่งพุ่งตกผ่านชั้นบรรยากาศโลก และเกิดการเผาไหม้จนมองเห็นได้เหนือท้องฟ้าที่ฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดแสงสว่างจ้า
นิวยอร์ก 25 ก.ย.- แคปซูลของสำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือนาซา พร้อมตัวอย่างดินปริมาณมากที่สุดที่เคยเก็บจากดาวเคราะห์น้อย เดินทางกลับถึงพื้นโลกแล้ว ยานอวกาศโอไซริส-เร็กซ์ (Osiris-Rex) ขององค์การนาซา ปล่อยแคปซูลออกจากยานที่ระดับความสูง 108,000 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ก่อนแคปซูลจะค่อยๆ ทิ้งตัวด้วยร่มชูชีพลงสู่ทะเลทรายในรัฐยูทาห์ของสหรัฐฯ ในเวลา 08.52 น. วันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 21.52 น.วันอาทิตย์ตามเวลาไทย เป็นการเสร็จสิ้นการเดินทางนานเกือบ 7 ปี เจ้าหน้าที่ของนาซาระบุว่า เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง หลังจากนี้จะนำแคปซูลพร้อมวัตถุตัวอย่างฝุ่นดาวเคราะห์น้อยเบนนู (Bennu) ไปทำความสะอาดเพื่อเตรียมนำไปศึกษาวิจัยเพิ่มเติมที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน ที่เมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส และนาซ่ามีแผนประกาศผลการศึกษาวิจัยรอบแรกในวันที่ 11 ตุลาคม ยานอวกาศโอไซริส-เร็กซ์ ถูกส่งขึ้นสูงอวกาศในปี 2559 โดยไปลงจอดที่ดาวเคราะห์น้อยเบนนูในอีก 6 ปีหลังจากนั้น พร้อมกับเก็บตัวอย่างฝุ่นและดินน้ำหนักประมาณ 250 กรัม เพื่อนำกลับมายังโลก แม้ตัวอย่างจะมีปริมาณน้อยนิด แต่ก็ถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยเก็บจากดาวเคราะห์น้อยดวงใดๆ ที่ผ่านมา นาซาเชื่อว่า ตัวอย่างดังกล่าวจะช่วยให้เข้าใจลักษณะของดาวเคราะห์น้อยที่จะเป็นภัยกับโลก และจะช่วยให้มีความเข้าใจดีมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการก่อตัวของระบบสุริยะเมื่อกว่า 4,600 ล้านปีก่อน และการก่อกำเนิดของโลกว่ากลายเป็นดาวเคราะห์ที่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย
แคปซูลของสำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งขาติ หรือ นาซา ของสหรัฐ พร้อมด้วย ตัวอย่างดินปริมาณมากที่สุดที่เคยเก็บจากดาวเคราะห์น้อย โดยยานอวกาศมีกำหนดจะเดินทางกลับถึงพื้นโลกในวันอาทิตย์ ผ่านบรรยากาศของโลกและทิ้งตัวด้วยร่มชูชีพลงสู่ทะเลทรายในรัฐยูทาห์ของสหรัฐ
อุรุมชี, 8 มี.ค. (ซินหัว) — เมื่อไม่นานนี้ หอดูดาวซินเจียง สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน เปิดเผยว่ากล้องโทรทรรศน์สนามกว้างหนานซาน ขนาด 1 เมตร ได้ค้นพบดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกดวงใหม่ ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยแห่งสหพันธ์ดาราศาสตร์นานาชาติยืนยันการค้นพบดังกล่าวและตั้งชื่อชั่วคราวให้ดาวเคราะห์น้อยว่า “2023 ดีบี2” (2023 DB2) อาลี เอซามดิน นักวิจัยประจำหอดูดาวฯ ระบุว่าดาวเคราะห์น้อยนี้มีระยะเข้าใกล้วงโคจรของโลกที่สุดอยู่ที่กว่า 30 ล้านกิโลเมตร หรือประมาณ 80 เท่าของระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์ อนึ่ง การค้นพบนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างหอดูดาวฯ และทีมนักดาราศาสตร์มือสมัครเล่นชื่อซิงหมิง (Xingming) เกาซิ่ง หัวหน้าทีมซิงหมิง กล่าวว่าความร่วมมือระหว่างนักดาราศาสตร์มืออาชีพและทีมนักดาราศาสตร์มือสมัครเล่นสามารถไขความลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับดวงดาวฤกษ์ได้และดึงดูดผู้คนทั่วไปหันมาสนใจดาราศาสตร์เพิ่มขึ้น-สำนักข่าวซินหัว คลิกเพื่ออ่านข่าวภาษาอังกฤษ https://english.news.cn/20230308/564079a35aee4ab2b86d90dc853aed45/c.htmlอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.xinhuathai.com/china/343759_20230309ขอบคุณภาพจาก Xinhua
ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่เท่ากับรถบรรทุก ที่พบอย่างกะทันหันเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เคลื่อนตัวเฉียดโลกไปแบบไม่มีอันตรายใด ๆ เมื่อวานนี้
วอชิงตัน 12 ต.ค. – องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือ นาซา ระบุว่า ยานสำรวจชื่อ ‘ดาร์ต’ (Double Asteroid Redirection Test-DART) ที่นาซาส่งขึ้นไปชนดาวเคราะห์น้อยในเดือนกันยายน ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนวิถีวงโคจรของดาวเคราะห์น้อย ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ นาซาเผยเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า ผลการติดตามวงโคจรของดาวเคราะห์น้อย ‘ไดมอร์ฟอส’ (Dimorphos) ที่ถูกยานสำรวจดาร์ตพุ่งชนเมื่อวันที่ 26 กันยายนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่า การพุ่งชนดังกล่าวสามารถเปลี่ยนวิถีวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสได้ และทำให้ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีวิถีโคจรเข้าใกล้ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่าอีกดวงที่มันเป็นบริวารมากขึ้น รวมถึงทำให้วงโคจรของดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสสั้นลง 32 นาที ขณะที่นายบิล เนลสัน ผู้อำนวยการของนาซา ระบุว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นจุดพลิกผันของการป้องกันโลกและมวลมนุษยชาติ ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่พล็อตในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ นาซาได้ส่งยานสำรวจดาร์ตขึ้นไปพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส ซึ่งมีรูปร่างคล้ายไข่ไก่ มีขนาดใหญ่เกือบเท่าสนามฟุตบอล และตั้งอยู่ห่างจากโลก 10.9 ล้านกิโลเมตร โดยเฝ้าติดตามผลของภารกิจในครั้งนี้จากศูนย์ปฏิบัติการฟิสิกส์ประยุกต์ (APL) ที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ในรัฐแมริแลนด์ของสหรัฐ ซึ่งเป็นสถานที่ออกแบบและสร้างยานอวกาศของนาซา โดยที่ยานสำรวจดาร์ต ซึ่งมีขนาดเกือบเท่าตู้เย็น ได้พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสด้วยความเร็ว 22,500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง […]
วอชิงตัน 27 ก.ย. – ยานสำรวจชื่อ ‘ดาร์ต’ (Double Asteroid Redirection Test-DART) ขององค์การบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐ หรือนาซา ได้พุ่งชนดาวเคราะห์น้อย ‘ไดมอร์ฟอส’ (Dimorphos) ด้วยความเร็ว 22,500 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐ ถือเป็นการจบภารกิจทดสอบการรับมืออุกกาบาตนอกโลกสำเร็จเป็นครั้งแรก นาซาเผยว่า ยานสำรวจดาร์ตได้พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสด้วยความเร็ว 22,500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่จุดเกิดเหตุพุ่งชนเกิดขึ้นในห้วงอวกาศที่อยู่ห่างจากโลกราว 9.6 ล้านกิโลเมตร ขณะที่นักวิทยาศาสตร์หลายรายคาดว่าแรงปะทะดังกล่าวจะทำให้ดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสเปลี่ยนวงโคจนได้ แต่จะต้องใช้เวลาติดตามอีกหลายวันหรือสัปดาห์กว่าที่จะทราบว่าดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวเปลี่ยนวงโคจรได้มากหรือน้อยเพียงใด ในขณะเดียวกัน นายบิล เนลสัน ผู้อำนวยการของนาซา ได้ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่พล็อตหนังอย่างที่เคยดูกัน เช่น อาร์มาเก็ดดอน หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อไทยว่า วันโลกาวินาศ ออกฉายปี 2541 เนื่องจากเดิมพันที่ใช้ในโลกแห่งความจริงนั้นมีมูลค่าสูงยิ่ง ทั้งนี้ ดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 160 เมตร อยู่ห่างจากโลกราว 9.6 ล้านกิโลเมตร และเป็นบริวารของดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่อีกดวงที่มีชื่อว่า ‘ดิดีมอส’ (Didymos) ดาวเคราะห์น้อยทั้งสองดวงได้โคจรรอบดวงอาทิตย์มาเป็นเวลาช้านานโดยไม่เป็นภัยต่อโลก ทำให้นาซาตัดสินใจเลือกดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวมาใช้ทดสอบการพุ่งชนเพื่อเปลี่ยนวงโคจรไม่ให้พุ่งชนโลกในอนาคต.-สำนักข่าวไทย
ยานสำรวจขององค์การนาซา เตรียมพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย “ไดมอร์ฟัส” ในวันพรุ่งนี้ เพื่อทดสอบการเปลี่ยนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยไม่ให้พุ่งชนโลก
ปักกิ่ง 25 เม.ย.-จีนวางแผนพัฒนาระบบเฝ้าระวังดาวเคราะห์น้อยที่เป็นภัยคุกคามต่อโลกเพื่อป้องกันดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก โดยคาดว่าจะส่งยานอวกาศขึ้นไปสกัดดาวเคราะห์น้อยได้ในปี 2568 หรือ 2569 เพื่อศึกษาและเปลี่ยนวงโคจรของดาวเหล่านี้ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างบทสัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ของนายหวู่ หยานหัว รองผู้อำนวยการองค์การอวกาศแห่งชาติของจีนว่า จีนกำลังศึกษาหาวิธีกำจัดดาวเคราะห์น้อยที่เป็นภัยคุกคามต่อโลก และคาดว่าจะทดสอบระบบป้องกันดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกด้วยการส่งยานอวกาศขึ้นไปสกัดดาวเคราะห์น้อยได้ในปี 2568 หรือ 2569 เพื่อศึกษาและเปลี่ยนวงโคจรของดาวเหล่านี้ แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนวงโคจร ขณะนี้ จีนได้เดินหน้าแผนการเกี่ยวกับโครงการด้านอวกาศจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นายหวู่ยังระบุว่า จีนได้ลงนามในข้อตกลงกับรัสเซียเมื่อเดือนมกราคมเพื่อสร้างสถานีวิจัยบนดวงจันทร์ร่วมกัน ส่วนเมื่อปีที่แล้วภารกิจสำรวจดวงจันทร์ของจีนได้เดินทางกลับสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัยพร้อมด้วยตัวอย่างวัตถุที่เก็บมาจากดวงจันทร์ อย่างไรก็ดี โครงการด้านอวกาศที่ก้าวหน้าของจีนได้ทำให้ความสัมพันธ์ของจีนกับสหรัฐตึงเครียดมากขึ้น โดยที่จีนเคยกล่าวหาว่า ฝูงดาวเทียมของบริษัทสเปซเอ็กซ์ของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน มีวงโคจรเข้าใกล้สถานีอวกาศของจีนจนทำให้จีนต้องปรับตำแหน่งของสถานีอวกาศเพื่อหลบการชนกับฝูงดาวเทียมดังกล่าว ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า จีนกับรัสเซียยังคงพยายามใช้อาวุธโจมตีฝูงดาวเทียมของสหรัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือนาซา ได้ติดตั้งระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยดาวเคราะห์น้อยด้วยกล้องโทรทรรศน์ไว้ที่รัฐฮาวายของสหรัฐ ชิลี และแอฟริกาใต้ และเพิ่งได้รับการปรับปรุงระบบใหม่ในช่วงต้นปีนี้เพื่อให้สามารถตรวจสอบท้องฟ้าสำเร็จทุก ๆ 24 ชั่วโมง. -สำนักข่าวไทย
ลอสแอนเจลีส 24 พ.ย. – องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือนาซา ได้ทดสอบการปล่อยยานอวกาศที่มีเป้าหมายพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือเป็นการสาธิตภารกิจป้องกันโลกครั้งแรกของนาซาเพื่อปกป้องโลกจากการถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนในอนาคต นาซาเผยว่า ได้ปล่อยยานอวกาศชื่อ ‘ดาร์ต’ (DART) ซึ่งมีน้ำหนักบรรทุกเท่ากับรถยนต์ขนาดเล็ก ขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อเวลา 01.21 น. ตามเวลาในสหรัฐจากศูนย์ปล่อยยานอวกาศแวนเดนเบิร์กที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลอลแอนเจลีสในรัฐแคลิฟอร์เนียไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 150 กิโลเมตร ยานดังกล่าวจะปฏิบัติภารกิจเป็นเวลา 10 เดือนในการเดินทางไปในห้วงอวกาศที่อยู่ห่างจากโลกราว 11 ล้านกิโลเมตร เพื่อทดสอบความสามารถในการเปลี่ยนวิถีโคจรของดาวเคราะห์น้อยด้วยแรงเสียดทานจลน์ ซึ่งคือพลังงานที่เกิดกับวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ และเปลี่ยนเส้นทางของดาวเคราะห์น้อยไม่ให้พุ่งชนโลก เป้าหมายของยานอวกาศดาร์ตในครั้งนี้ คือ ดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส ซึ่งเป็นดวงจันทร์ขนาดเล็กและมีขนาดใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอลที่โคจรรอบหินอวกาศที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 5 เท่าในระบบดาวเคราะห์น้อยคู่ ทั้งนี้ การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายและยานอวกาศก็มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับอุกกาบาตชิกซูลุบที่พุ่งชนโลกเมื่อ 66 ล้านปีก่อนจนทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์หลายรายให้ความเห็นว่า ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเล็กนั้นเป็นภัยต่อโลกมากกว่าในอนาคตอันใกล้และพบได้บ่อยครั้งกว่าอุกกาบาตขนาดใหญ่.-สำนักข่าวไทย
นาซา จะส่งยานอวกาศในภารกิจสำรวจดาวเคราะห์น้อยโทรจัน (Trojan) ที่โคจรอยู่รอบ ๆ ดาวพฤหัสบดี
วอชิงตัน 22 มี.ค.- ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของปีนี้เคลื่อนตัวเฉียดโลกไปแล้ว แม้ไม่เป็นอันตรายแต่แวดวงนักดาราศาสตร์มองว่า เป็นโอกาสหายากในการศึกษาดาวเคราะห์ที่ก่อตัวในช่วงที่ระบบสุริยะถือกำเนิด ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีชื่อว่า 2001 FO32 ถูกค้นพบเมื่อ 20 ปีก่อน องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐหรือนาซา เผยว่า ดาวเคราะห์น้อยอยู่ห่างจากโลกในระยะใกล้ที่สุด 2 ล้านกิโลเมตร หรือกว่า 5 เท่าของระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์ แต่ก็ยังใกล้พอจะจัดให้เป็นดาวเคราะห์น้อยที่อาจเป็นอันตรายได้ เดินทางด้วยความเร็ว 124,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ดี หอดูดาวปารีสแจ้งว่า ดาวเคราะห์น้อยไม่เป็นอันตรายแม้เคลื่อนตัวเฉียดโลกในระยะใกล้ที่สุดเมื่อเวลา 14.00 น.วันอาทิตย์ตามเวลามาตรฐานสากล ตรงกับเวลา 21.00 น.วันเดียวกันตามเวลาในไทย นักดาราศาสตร์หวังว่า การเคลื่อนตัวเฉียดโลกจะช่วยให้ทราบส่วนประกอบของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 900 เมตรได้ดียิ่งขึ้น ตามที่นาซาระบุว่า เมื่อแสงอาทิตย์กระทบพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อย แร่ธาตุในพื้นผิวจะดูดซับความยาวคลื่นบางอย่าง และสะท้อนความยาวคลื่นบางอย่าง เมื่อศึกษาแถบแสงที่สะท้อนออกมาจะทราบว่าเป็นแร่ธาตุชนิดใด การศึกษาดาวเคราะห์น้อยและดาวหางที่เคลื่อนตัวใกล้โลกช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจประวัติศาสตร์และพลวัตรของระบบสุริยะได้ดีขึ้น นาซาเผยว่า แต่ละวันมีวัตถุนอกโลกประเภทฝุ่นและอุกาบาตขนาดเล็กตกใส่โลกวันละ 80-100 ตันโดยไม่ก่ออันตราย แต่หากเป็นวัตถุขนาดใหญ่อาจสร้างความเสียหายหนักได้ เพราะมีมวลและความเร็วสูง วัตถุกว้างเกือบ 60 เมตรเคยระเบิดเหนือเมืองเชเลียบินสค์ในรัสเซียเมื่อปี 2556 ปล่อยพลังงานมากถึง 30 เท่าของระเบิดนิวเคลียร์ที่สหรัฐทิ้งใส่เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง.-สำนักข่าวไทย