ศาลฎีกา 4 ก.พ.-“วัฒนา” มาศาลแถลงอุทธรณ์ตามนัด ยันไม่หนีคดีบ้านเอื้ออาทร เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ ชี้ การตัดสินต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน ไม่ใช่การคาดเดา
นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางมาที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อแถลงปิดคดีชั้นอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อม.อธ.1/2564 ระหว่างอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้องนายวัฒนา กับพวกรวม 14 คน เป็นจำเลย ถูกกล่าวหาทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้เป็นการแถลงเปิดด้วยวาจาต่อองค์คณะ และจะมาบอกศาลว่าการที่จะลงโทษใครจะต้องมีหลักฐานชัดเจน อย่าคาดเดา ซึ่งคดีนี้มีความสลับซับซ้อน จึงอยากให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปฟังการพิจารณาแล้วจะรู้ว่าเพราะเหตุใดทำไมตนจึงยังยืนหยัดอยู่ตรงนี้ ทั้งๆ ที่มีแต่คนบอกให้หนี เพราะว่ามีธง แต่ถ้าฟังข้อเท็จจริงก็จะทราบเหตุผลทั้งหมด ยืนยันสำหรับคดีนี้ไม่มีความถูกต้องตั้งแต่ต้น เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองล้วนๆ ดังนั้นจึงมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และในวันที่ 4 มี.ค.นี้ จะมาถึงศาลเพื่อฟังคำตัดสินเป็นคนแรกอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ว่าโทษชั้นต้นจะหนัก นายวัฒนา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่หนักใจ แต่ขอโอกาสให้ตนได้สู้คดีอย่างเต็มที่ ก่อนหน้านี้ในศาลชั้นต้นก็ไม่ให้โอกาสตน เมื่อขอแถลงการณ์ก็ให้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง และขณะแถลง ซึ่งยังแถลงไม่จบก็บอกให้พอแล้ว เสมือนกับไม่อยากฟังตนเลย ซึ่งวันนี้ตนเชื่อว่าองค์คณะจะให้เวลา จนครบถ้วน แล้วถ้าฟังความทั้งหมดก็จะรู้ว่าไม่เคยมีกระบวนการยุติธรรมที่ไหนที่ “สกปรก” เช่นนี้
นายวัฒนา กล่าวว่า จนถึงวันนี้ตนก็ยังแสวงหาความยุติธรรม เพราะคดีนี้ไม่มีความถูกต้องอะไรเลย แม้กระทั่งกระบวนการสอบสวนพยานก็ยังมีการจูงใจ และข่มขู่ ซึ่งผิดกฎหมายทั้งหมด ตนมีหลักฐานชัดเจนไม่ได้เป็นการพูดปากเปล่าอย่างแน่นอน แต่ที่แปลกใจคือกระบวนการยุติธรรมเพิกเฉยกับสิ่งเหล่านี้ และวันนี้ศาลก็ต้องวินิจฉัยว่าสิ่งที่กระทำมาทั้งหมดถูกหรือไม่ถูก ไม่ใช่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วมาพิพากษาลงโทษตน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง
“ความจริงก็คือความจริง และที่กล่าวหาไม่มีความจริงสักเรื่องเดียว ซึ่งผมสามารถพิสูจน์ได้ทั้งหมด เมื่อข้อกล่าวหาเป็นเท็จพยานที่นำมาพิสูจน์ทราบก็จะต้องเป็นเท็จทั้งหมด เพราะการปั้นพยานมาก็จะพูดไปคนละทิศคนละทางคนละเรื่องคนละราว แต่ถ้าข้อกล่าวหาเป็นจริงและพยานพูดความจริง ก็จะเหมือนกันทั้งหมด ซึ่งเป็นโชคไม่ดีของผม ที่ศาลชั้นแรกเลือกที่จะเชื่อโจทก์ไม่ได้ดูพยานจำเลยจำนวนมาก แต่วันนี้ผมจะชี้ให้องค์คณะเห็นพยานแล้ววินิจฉัย ขอให้รู้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด และยังยืนหยัดต่อสู้ตามครรลอง ซึ่งผมอาจจะเป็นจำเลยในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาที่สู้จนวินาทีสุดท้ายแน่นอน ดังคำที่ว่าภาษากายก็จะรู้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด และจะเดินหน้าชนแบบนี้ต่อไป ” นายวัฒนากล่าว
นายวัฒนากล่าวว่า สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่ 12 แล้ว ซึ่งตนโดนคดีทุจริตในชั้นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มา 4 คดี ประกอบด้วย คดีหวย คดีรถดับเพลิง คดีกล้ายาง และคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งยกฟ้องไปทั้งหมดแล้ว และในชั้นคณะรักษาความสงบ (คสช.) ก็นำคดีมาใส่ตน ซึ่งตนโดนทั้งหมด 12 คดี ซึ่งทั้ง 11 คดีถูกยกฟ้องไปทั้งหมด ชัดเจนว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ จึงไม่อยากให้การเมืองหรือความรู้สึกเข้าไปในศาล อยากให้วินิจฉัยตามข้อเท็จจริงโดยไม่ต้องคำนึงว่าตนเป็นใคร เพียงแค่ตัดสินให้ความผิดตามพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยเดินทางมาให้กำลังใจนายวัฒนาด้วย.-สำนักข่าวไทย