ศาลฎีกา สั่งคุก 99 ปี “วัฒนา เมืองสุข” ทุจริตบ้านเอื้ออาทร

ศาลฎีกา 4 มี.ค.-“วัฒนา เมืองสุข” ไม่รอดคุก ศาลฎีกาชี้คำอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น ยืนตามศาลชั้นต้นจำคุก 99 ปี คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี ยึดเงินที่ได้จากการทำผิด 89 ล้านบาท โดยให้จ่ายภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีคำพิพากษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าองค์คณะศาลฎีกาใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง อ่านคำพิพากษากรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยคำอุทธรณ์ทั้งหมดฟังไม่ขึ้นศาลยืนคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกนายวัฒนา เมืองสุข จำเลยที่ 1 ที่มีความผิดทั้งหมด 11 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 9 ปี รวมทั้งหมด 99 ปี ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี และให้ยึดเงินที่เกิดจากการกระทำความผิดจำนวน 89 ล้านบาท โดยให้จำเลยที่ 1 /จำเลยที่ 4 นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง และจำเลยที่ 8 คือบริษัทเพรซิเดนท์อะกริเทรดดิ้ง โดยให้จ่ายภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีคำพิพากษา หากเกินจากกำหนดจะต้องชำระพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5


ทั้งนี้นายวัฒนาได้อุทธรณ์ อ้างว่าไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา 148 ไม่มีอำนาจสั่งการคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ แต่องค์คณะ เห็นเป็นเอกสารว่าขณะเกิดเหตุนายวัฒนา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีอำนาจ สั่งคณะกรรมการการเคหะฯ ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวง พม. ที่จะต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐมนตรีได้ จึงถือเป็นเจ้าพนักงานรัฐและเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2548 ยังไปร่วมประชุมกับบอร์ดการเคหะและยังขอให้ปรับปรุงทีโออาร์การทำโครงการบ้านเอื้ออาทร และยังเห็นว่าการสอบสวนของนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส. ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นการจูงใจขู่เข็ญพยาน แต่เป็นการทำเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล และที่อ้างว่าจำเลยที่ 4 หรือเสี่ยเปี๋ยง ไม่ใช่ที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการของนายวัฒนา นั้น ก็มีหลักฐานในการประชุมของคณะกรรมการการเคหะถึง 7 ครั้ง ที่ต้องส่งเอกสารถึงจำเลยที่ 4 และระบุตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา และจากการสอบสวนยังพบว่าจำเลยที่ 4 อาศัยช่องว่างจากการปรับหลักเกณฑ์ทีโออาร์มาหาประโยชน์ รวมทั้งยังมีหลักฐานการจ่ายเช็ค เพื่อให้ได้มาซึ่งการขายที่ดินเข้าโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยเป็นคนละส่วนกับค่านายหน้า องค์คณะเสียงข้างมากจึงเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 7 เป็นการกระทำเป็นกระบวนการมีการกระทำผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างฟังคำพิพากษานายวัฒนา ยืนฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่เหมือนกับจะรู้ตัวล่วงหน้าเพราะมีรายงานว่า นายวัฒนา ได้ขอให้คนใกล้ชิดเตรียมอุปกรณ์การดำรงชีพ เสื้อคอกลม ไว้ให้และหลังจากนี้รอรถจากเรือนจำมารับนายวัฒนา ไปควบคุมตัวต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง