กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – ทนายเผย “วัฒนา เมืองสุข” ยอมรับคำพิพากษา แต่ไม่ได้ยอมรับว่ากระทำผิด รถกรมราชทัณฑ์รับเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กักตัว 21 วัน ก่อนเข้าแดนนักโทษ
นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความของนายวัฒนา เมืองสุข กล่าวภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาของนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องการต่อสู้หลังจากนี้ ซึ่งมีประเด็นที่ต้องกลับไปคิดและทบทวนตั้งแต่ศาลชั้นต้นถึงชั้นอุทธรณ์มีการดำเนินการผิดพลาดหรือบกพร่องอย่างไรหรือไม่
ทั้งนี้ ตนได้คุยกับนายวัฒนา ภายในบัลลังก์ ยอมรับคำพิพากษา เพราะกติกาของกระบวนการยุติธรรม ไม่มีโอกาสที่จะไม่ยอมรับ แต่การยอมรับคำพิพากษา ตัวนายวัฒนาไม่ได้ยอมรับว่ากระทำผิด และได้ฝากตนมาบอกว่า การต่อสู้ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงวันนี้ไม่ได้หลบหนี เป็นการแสดงเจตนาว่ายังเชื่อว่าตนบริสุทธิ์ แต่นายวัฒนาก็เคารพในการตัดสินของศาลยุติธรรม
ทั้งนี้ ทนายความได้กล่าวถึงคำพิพากษาในประเด็นที่สู้ว่า ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เป็นเพียงรัฐมนตรีกำกับดูแล การจ่ายเงินกลั่นกรอง เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ในส่วนพยานที่เบิกความ เกิดจากการจูงใจ ซึ่งรับฟังไม่ได้ และในส่วนของนายอภิชาติ เป็นปรึกษาของนายวัฒนาหรือไม่ ในเชิงการสืบพยาน 3 ประเด็นดังกล่าว แตะไม่ได้ว่าไปเกี่ยวพันกับจำเลยที่ 1 อย่างไร ซึ่งศาลบอกว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับมีหน้าที่ต้องรู้ และเชื่อว่าควรจะรับรู้ ซึ่งเมื่อหมดประเด็นสู้ ศาลก็ยืนตามศาลชั้นต้น จำคุกจำเลย 50 ปี ซึ่งในส่วนของการยึดทรัพย์ แม้มีอำนาจ แต่ก็ดูขัดกันในทางกฎหมายอยู่บ้าง
ส่วนที่นายวัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้เป็นคดีการเมือง 100% นั้น ตนมองว่า ตัวนายวัฒนาเป็นรัฐมนตรี ตนคงแยกแยะไม่ได้ การที่ศาลฎีกาชุดนี้ตัดสินโทษเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถก้าวล่วง แต่เชื่อว่าตัดสินตามพยานหลักฐาน จะมาเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่นั้น ติดว่าคำพิพากษาอย่างละเอียด ประชาชนจะใช้วิจารณญาณเรียบเรียงเองได้ว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่
เมื่อถามว่า คดีที่ถูกฟ้องโดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) รอดมาโดยตลอด แต่ทำไมคดีนี้ถึงไม่รอด นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย และรู้สึกตกใจที่ตนเองอาจจะผิดพลาด โดยหลังจากนี้จะมีการควบคุมนายวัฒนาไปยังกรุงเทพฯ แม้จะมีการกักตัวก่อน 21 วัน พร้อมย้ำว่า นายวัฒนาเป็นคนเข้มแข็ง และไม่พูดจาก้าวล่วงต่อศาล ซึ่งตนขอให้นายวัฒนาได้ตั้งหลักก่อน โดยหลังจากนี้จะประสานกับราชทัณฑ์ถึงการดำเนินการต่อไป เพราะนายวัฒนา มีโรคประจำตัวหลายโรค. – สำนักข่าวไทย