ลอนดอน 27 ต.ค. – รายงานของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า ความมุ่งมั่นของประเทศต่าง ๆ ในขณะนี้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำให้โลกมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2.7 องศาเซลเซียสในศตวรรษนี้ โดยที่รายงานดังกล่าวมีขึ้นก่อนเปิดฉากการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของยูเอ็น (COP26) ในสัปดาห์หน้า
รายงานประจำปีว่าด้วยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ซึ่งเปรียบเทียบการปล่อยมลพิษตามที่เคยคาดการณ์ไว้ กับการจำกัดอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในศตวรรษนี้ ตามที่ได้ตกลงไว้ในความตกลงปารีสที่เป็นไปตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยรายงานระบุว่า คำมั่นครั้งใหม่ของประเทศต่าง ๆ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่คาดการณ์ไว้ในปี 2573 ได้มากขึ้นเพียงร้อยละ 7.5 เมื่อเทียบกับการให้คำมั่นในครั้งก่อน หากเป็นเช่นนั้น โลกจะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2.7 องศาเซลเซียสในศตวรรษนี้ ลดลงจากเดิมที่โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติคาดการณ์ไว้ที่ 3 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มอีกร้อยละ 30 เพื่อจำกัดให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส และต้องลดการปล่อยก๊าซอีกร้อยละ 55 เพื่อให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส
ในขณะเดียวกัน นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการของยูเอ็น กล่าวว่า ถ้าประเทศต่าง ๆ ยังไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจังในอีกสิบปีข้างหน้า ทุกคนจะไม่อาจบรรลุเป้าหมายที่จำกัดอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ทั้งยังเน้นย้ำว่า กลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก หรือจี 20 ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง และควรให้คำมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่จำกัดอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย