ทำเนียบ 30 มี.ค.-นายกฯ ระบุดูแลกลุ่มชาติพันธุ์ตามหลักมนุษยธรรม ไม่ผลักดันกลับหากมีความเดือดร้อนจริง แต่หากยังไม่ได้รับผลกระทบจะเจรจากลับพื้นที่ก่อน ยันไม่มีการใช้อาวุธขับไล่ สั่งฝ่ายความมั่นคงดูแลเตรียมแผนรองรับ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีกลุ่มชาติพันธุ์ทะลักเข้าไทยจากสถานการณ์ความรุนแรงของเมียนมา ว่า ไม่ใช่การทะลักเข้าไทย เนื่องจากมีการเจรจาและพูดคุย ซึ่งก่อนหน้านี้มีชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านเดินทางเข้ามาก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่พบเจอ ก็ได้สอบถามว่า ปัญหาในประเทศมีผลกระทบกับส่วนที่อยู่อาศัยหรือไม่ ซึ่งเมื่อได้คำตอบว่า ไม่มีผลกระทบ จึงได้ขอให้เดินทางกลับพื้นที่ก่อน โดยไม่มีการใช้กำลัง หรืออาวุธขับไล่ และพูดคุยด้วยดี นั่นคือตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ค่อยดำเนินการแก้ไขไปทีละขั้นตอน และไทยมีประสบการณ์ด้านนี้มาหลายปี มีศูนย์อพยพถึง 9 ศูนย์ เพราะมีผู้ที่เข้ามาถึง 4 แสนคน ในระยะเวลา 10-20 ปี ซึ่งวันนี้คงเหลือเพียงกว่าแสนคนเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าต้องเตรียมการให้พร้อม หากมีการหลบหนีเข้าไทย เพราะต้องดูแลตามหลักมนุษยธรรม และไม่สามารถผลักดันกลับไปได้ หากยังมีการสู้รบกันอยู่ แต่หากไม่มีก็จะเจรจาให้กลับไปก่อน แต่ทั้งนี้ ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะไทยมีประสบการณ์เรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง ไม่จำเป็นต้องประกาศว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเมื่อถึงเวลา ตนเองจะตัดสินใจ และรัฐบาลได้เตรียมแผนรองรับแล้ว ซึ่งหากจำเป็นที่จะเข้ามาก็ต้องดูแล แต่การจะเข้ามาก็ต้องถูกกฎหมาย เพราะเป็นเขตชายแดนไทย ยืนยันจะไม่มีการผลักดันกลับไป หากมีความเดือดร้อนจริง เพราะจะปฏิเสธให้ความช่วยเหลือไม่ได้ แต่จะไปประกาศว่ายินดีที่จะเปิดประเทศรับก็คงไม่ได้ ทั้งนี้ได้สั่งการหน่วยความมั่นคง ทั้งผู้บัญชาการทหารบก กระทรวงกลาโหมและ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดูแลแล้ว ซึ่ง เจ้าหน้าที่ก็มีวิธีดำเนินการ ส่วนจำเป็นจะต้องประสานงานกับองค์กรต่างประเทศ เช่น UNHCR หรือไม่ เห็นว่าไม่จำเป็นต้องประสาน เพราะองค์กรเหล่านี้เข้ามาดูแลอยู่แล้ว
ส่วนที่ผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุฟ้านัดทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฏหมาย เพราะไปห้ามใครไม่ได้.-สำนักข่าวไทย