ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก 10 รมต. 3 ป.มาครบ

รัฐสภา 25 ม.ค. – รัฐสภา 25 ม.ค. – ฝ่ายค้านยื่น 208 ชื่อ ส.ส.เสนอญัตติซักฟอก 10 รัฐมนตรี 3 ป. มาครบ “ร.อ.ธรรมนัส” ไม่หลุดโผ แต่ตัดชื่อ “จุติ” ออกนาทีสุดท้าย หวั่นเวลาไม่พอ ด้านเศรษฐกิจใหม่-ไทยศรีวิไลย์ โผล่ร่วมแจมด้วย มั่นใจไม่มี “มวยล้มต้มคนดู” น็อกรัฐบาลได้แน่


นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยหัวหน้าพรรค และ ส.ส. 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน และยังมี ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นรายชื่อ ส.ส.ฝ่ายค้าน 208 คน เพื่อญัตติด่วนถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล

สำหรับรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้มีทั้งสิ้น 10 คน ประกอบด้วย 1.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ปัญญา มีพฤติกรรมฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต เพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และยังเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจดิ่งเหว ปล่อยปละละเลยให้มีการกระจายตัวของบ่อนการพนันโดยทั่วไป ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และยังใช้สถาบันเป็นข้ออ้างในการแบ่งแยกประชาชนใช้งบประมาณแผ่นดินในการสร้างความนิยมให้ตนเอง


2. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความร่ำรวยมั่นคงให้กับตัวเอง มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้การระบาดรอบ 2 อย่างรวดเร็วและวงกว้าง ปกปิดอำพรางการจัดซื้อวัคซีน

4.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าไร้ความสามารถ ลอยตัวเหนือปัญหา เลือกปฏิบัติ แต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ามาทำงานโดยเห็นแก่พวกพ้อง และยังปกปิดข้อมูลการทุจริตทำให้หน่วยงานของรัฐในกำกับเกิดความเสียหาย


5. พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ และใช้กลไกทางกฎหมายวางแผนทุจริตอย่างเป็นระบบและแยบยล ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ

6.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าใช้อำนาจแทรกแซงการทำหน้าที่ของข้าราชการประจำ ในลักษณะกดขี่ข่มเหง เพื่อให้คนของตนเองเข้าสู่ตำแหน่ง ขาดวุฒิภาวการณ์เป็นผู้นำที่ดี ปิดบังการทุจริต ผิดรัฐธรรมนูญ

7.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่า ปล่อยปละให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ของผู้ใช้แรงงาน ไม่กำชับควบคุมผู้ใช้แรงงานต่างด้าวให้เป็นระบบ จนเป็นผลกระทบทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีพฤติกรรมสร้างความแตกแยกในสังคม

8. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้มีสิทธิดำเนินในกิจการของรัฐ โดยไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ สมคบกันนเพื่อปิดบังการทุจริต

9. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่า ไม่ซื่อสัตย์สุจริตไม่คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน

10. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ฝ่ายค้านกล่าวว่า ใช้งบประมาณของรัฐเอื้อประโยชน์ตัวเองปละพวกพ้อง ปกปิดข้อมูลความจริงในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่ง ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล กร่างเถื่อน เสนอให้มีการแต่งตั้งคู่สมรสเป็นข้าราชการการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวุฒิภาวะและความเหมาะสม

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ว่า มีหลายประเด็นในการอภิปรายตรวจสอบรัฐบาล ทั้งการทุจริต การปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการล้มเหลว ขาดนิติรัฐนิติธรรม พร้อมยืนยันว่ามีหมัดเด็ดน็อกรัฐบาลได้แน่นอน เพราะหลักฐานค่อนข้างชัดเจน มีรายการเด็ดทุกวันของการอภิปราย และยืนยันว่าข้อมูลจะไม่ซ้ำซ้อนกัน เพราะมีการตั้งวอร์รูมหารือเตรียมความพร้อมโดยมีไม่น้อยกว่า 2 เรื่องที่จะยื่นฟ้องร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งมีหลายเรื่องที่สามารถยื่นเอาผิดทางอาญาได้ด้วย แม้เสียงในสภาจะไม่ถึงขั้นถอนถอนรัฐมนตรีได้ แต่หากประชาชนได้ฟังจะสามารถเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับมาได้ ส่วนจะลบข้อครหาที่ฝ่ายค้านไม่สามารถทำให้รัฐบาลสั่นคลอนได้หรือไม่นั้น อยากให้ติดตามการอภิปราย

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่าการอภิปรายรอบนี้ต่างจากครั้งที่แล้ว ที่ถูกบีบคั้นด้วยเวลา แต่ครั้งนี้ฝ่ายค้านมีเอกภาพ ทำงานร่วมกันอย่างรอบคอบมีเวลาเหลือเฟือก่อนปิดสมัยประชุม และยืนยันว่าการอภิปรายจะเข้มข้น ชัดเจน และไปในทิศทางเดียวกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดมวยล้มต้มคนดูตามคำครหา ที่ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นปฏิบัติการไอโอ ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลควรเอาเวลาเตรียมข้อมูลมาชี้แจงดีกว่า พร้อมขอให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ในช่วงเวลาที่ประเทศอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พร้อมประกาศว่าตราบใดที่ตนยังเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะไม่มีทางถูกเบียดบังเวลาจนต้องมาอภิปรายนอกสภาเหมือนรอบก่อน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยืนยันอีกเสียงว่าจะไม่มีมวยล้มต้มคนดู แต่ขอให้สภาฯ ทำตัวเป็นกลาง อย่าปิดปากคนอภิปรายเหมือนครั้งที่ผ่านมา

ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ประกาศร่วมเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว จนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ โดยให้เหตุผลว่าด้วยสถานการณ์เช่นนี้การเป็นฝ่ายค้านน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า ยืนยันว่าหากฝ่ายค้านมีมติอย่างใดออกมาพร้อมปฏิบัติตาม ไม่กลับไปกลับมาอีกแล้ว ซึ่งในครั้งนี้นายมงคลกิตติ์ได้รับการจัดสรรเวลาอภิปรายด้วย

ขณะที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้อง และจะดำเนินการเข้าสู้ระเบียบวาระการประชุม โดยคาดว่าจะสามารถเปิดอภิปรายได้ 16-19 กุมภาพันธ์นี้ แต่หลังจากนี้จะมีการการหารือถึงระยะเวลาการอภิปรายที่แน่ชัดอีกครั้ง ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนการยื่นญัตติหัวหน้า และ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ได้หารือร่วมกันก่อนยื่นญัตติถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีมติให้ตัดชื่อนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ออก เนื่องจากเกรงว่า เวลาการอภิปรายจะไม่เพียงพอ และข้อมูลยังไม่ครบถ้วน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางเทศกาลปีใหม่ 2568

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางขาออกเทศกาลปีใหม่ 2568 ถนนทุกสาย และระบบขนส่งสาธารณะทุกโหมด มีประชาชนทะลักเดินทางตั้งแต่เย็นวานนี้ (27 ธ.ค.) ภาพรวมเป็นอย่างไร พูดคุยกับนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม.

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น