“ณัฐพงษ์” เปิดศึกซักฟอก จี้ปม “ดีลแลกประเทศ”

รัฐสภา 24 มี.ค.- “ณัฐพงษ์” เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้ “ดีลแลกประเทศ” ไม่ใช่แค่พา “ทักษิณ” กลับบ้าน แต่พาประเทศถอยหลังทุกด้าน วันนี้ไม่มีแล้วสองก๊กสามก๊ก เหลือก๊กเดียวคือพรรคร่วมคณะรัฐประหาร หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันแรก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่าตนและเพื่อนสมาชิก 165 คน ใช้สิทธิ์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 อภิปราย ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมไม่อาจไม่วางใจ เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหาร ขาดวุฒิ ภาวะขาดความรู้ความสามารถ และคาร์เกตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดิน ให้กับประเทศชาติและประชาชนได้ ส่งผลให้เกิดการทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เพียงเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง ครอบครัว และคณะเหนือประโยชน์ส่วนรวม และเห็นว่านางสาวแพทองธาร ยังไม่มีความ สุจริต ซื่อสัตย์โกหกหลอกลวงไม่ทำตามสัญญากับประชาชนไว้ โดยนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 ประชาชน 40 ล้านคนเดินเข้าคูหาเลือกตั้งด้วยความหวังและความเชื่อมั่นศรัทธา ว่าพอกันได้แล้วกับ 9 ปีที่สูญเสียไป แต่หากใครนอนหลับไปตั้งแต่หลังการเลือกตั้งแล้วตื่นลืมตาขึ้นมาอีกทีวันนี้ ก็คงได้แต่แปลกใจว่าทำไมทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลจากคณะรัฐประหารก่อนหน้านี้ รเพราะเริ่มต้น ดำรงอยู่ และเดินหน้าเพื่อให้เกิด “ดีลแลกประเทศ” ซึ่งมีประโยชน์ของคนตระกูลชินวัตรเป็นแกนกลาง ผลประโยชน์ของกลุ่มทุนใกล้ชิดและเครือข่ายการเมืองเป็นแกนรอง ส่วนประเทศและประชาชนนั้นต้องรอไปก่อน ใกล้วันเลือกตั้งค่อยมาปรับบทละครกันอีกที

นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า พฤติกรรมที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัย เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาจนถึงสมัยของ แพทองธาร ชินวัตร ทำให้หลายคนวิจารณ์ว่ารัฐบาลเพื่อไทยยอมเป็น “นั่งร้าน” ให้กลุ่มอำนาจเดิมเพื่อกลับสู่อำนาจ แต่เวลาพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง อันที่จริง รัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เป็นนั่งร้านให้กับใคร เพราะพวกเขาได้หลอมหลวมเป็นพวกเดียวกันทั้งหมดแล้ว 
“พรรคร่วมรัฐบาลทำงานร่วมกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย หัวเราะร่วมวงไปด้วยกันได้ ไม่เกี่ยวกับรุ่นหรือภูมิหลังใดๆ เพราะพวกเขาใช้วิธีจัดการผลประโยชน์แบบเดียวกัน ต่อรองผ่านสนามกอล์ฟเหมือนกัน ใช้อำนาจเปลี่ยนดำเป็นขาวเช่นเดียวกัน รู้ช่องทางทำมาหากินผ่านระบบรัฐราชการเหมือนกัน พูดอีกอย่างก็คือนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดพูดภาษาเดียวกันและเล่มเกมเดียวกันมาตั้งแต่แรก เรื่องไหนที่เดินหน้ารวดเร็วได้ผิดปกติ ไม่สนคำทักท้วง รีบผลักดัน ก็คือเรื่องที่ดีลผลประโยชน์กันได้ลงตัวแล้ว อย่างเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กส์ ที่กลายมาเป็นวาระเร่งด่วนให้ความสำคัญเหนือการแก้ปัญหาชาวนาหรือการพัฒนาการศึกษาเพื่อเยาวชน”นายณัฐพงษ์ กล่าว


นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ที่สื่อมวลชนถามนายกรัฐมนตรีว่าคิดอย่างไรเมื่อฝ่ายค้านใช้ชื่อการอภิปรายครั้งนี้ว่า “ดีลแลกประเทศ” ท่านถามสื่อมวลชนกลับไปว่า “ตระกูลชินวัตรได้อะไร” สื่อมวลชนก็อธิบายต่อไปว่า “ได้คุณทักษิณกลับบ้าน” นายกรัฐมนตรีก็ตอบเพียงว่า “ได้คุณพ่อกลับมา อ๋อ คงเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวตลอดไป” อย่างน้อยที่สุด นายกรัฐมนตรีก็ยอมรับว่า ดีลในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เริ่มต้นจากการพาคุณทักษิณกลับบ้านจริงๆ และดีลแลกประเทศยังหมายรวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่ต้องแลกด้วยผลประโยชน์ของประเทศมากมายมหาศาล

นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าในแง่การบริหารประเทศ การได้นายทักษิณกลับมาอีกครั้งนี้ ดูเผินๆ เหมือนประเทศไทยจะได้ผู้นำแพ็คคู่ คนหนึ่งดูดีมีประสบการณ์ เดินสายทำงานนอกทำเนียบ ส่วนอีกคนอยู่ในตำแหน่ง เป็นคนรุ่นใหม่ ทำงานในระบบ พร้อมผสานการทำงานกับคนรุ่นเก่า แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ ในความเป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้นคือประเทศไทยกำลังมีผู้นำนอกระบบที่ทำงานนอกทำเนียบเป็นคนชี้นำวาระ ให้ข้อมูลและนโยบายนำหน้ารัฐบาลโดยปราศจากความรับผิดรับชอบใดๆ เพราะไม่ถูกถ่วงดุลตรวจสอบ วันหนึ่งเคยบอกว่าจะให้ค่าไฟ 3.70 บาท แต่ก็ไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ผ่านไป 2 เดือนก็มาบอกอีกทีว่าจะลดให้ค่าไฟเหลือ 2.50 บาท แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลายเป็นคนนอกระบบ พูดไปเรื่อย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย 

“เมื่อรวมผู้นำนอกระบบอย่างทักษิณกับผู้นำในระบบอย่างแพทองธารแล้ว ประเทศไทยกลับเสียสองต่อ เพราะมีแต่คนกำหนดวาระที่ทำงานลอยตัว ไม่ต้องรับผิดรับชอบ กับคนที่ถืออำนาจรัฐแต่ขาดคุณสมบัติ ผมอยากให้ท่านตระหนักรู้ไว้อยู่เสมอ ว่าทุกการกระทำของท่านส่งผลต่อความเชื่อมันของประชาชน ท่านจะทำตัวแบบเดียวกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร มองการเมืองในสภาเป็นเพียงเรื่องน่ารำคาญ มองวาระในสภาเสมือนก้อนกรวดในรองเท้า มองนักการเมืองมอง สส. ในสภาเป็นเพียงแค่จำนวนนับให้ท่านจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ไม่ได้” นายณัฐพงษ์กล่าว


นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการบริหารงานในด้านความยุติธรรม ขณะที่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังรอฟังคำตอบในเรื่องการเดินหน้ากระบวนการสันติภาพใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลายครอบครัวยังไม่ได้รับการคืนความยุติธรรมจากคดีตากใบ แต่นายกรัฐมนตรีกลับจงใจปล่อยปละละเลย ไม่เร่งรัดติดตามในการนำตัวจำเลยที่หลบหนีไปต่างประเทศกลับมาดำเนินคดีเพื่อคืนความยุติธรรม ขณะที่นายกรัฐมนตรีตัวจริงนอกระบบกลับได้รับสิทธิอยู่ในชั้น 14 เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ เหนือระบบยุติธรรมในประเทศนี้ ที่มีนางสาว แพทองธาร ผู้เป็นบุตรสาวรับทราบสถานะพ่อของตัวเองมาโดยตลอด และยังมีกรณีผู้ต้องขังคดีทางการเมืองที่กำลังรอฟังคำตอบในเรื่องการนิรโทษกรรม ที่วันนี้แม้แต่ข้อสังเกตในเล่มรายงาน พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่กล้าโหวตรับ หมดหวังกันได้แล้วกับการทวงคืนความยุติธรรมให้กับประเทศนี้

นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า ขณะที่สังคมไทยมีฉันทามติร่วมกันแล้วว่าต้องการผลักดันการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แต่นายกรัฐมนตรีกลับลอยตัว ควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ ตอกตะปูปิดฝาโลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าประชาชนคนไทยจะไม่มีวันมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลสนใจเพียงการแจกเงินกับการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งคงไม่สามารถกู้วิกฤตให้กับประเทศนี้ได้ เพราะเงินหมื่นที่แจกไปได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแทบไม่ได้กระตุ้นการเติบโตเลย การสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็มองเห็นได้ล่วงหน้า ว่าจะมีผู้ได้รับผลประโยชน์อยู่เพียงเพียงไม่กี่กลุ่ม ก็คือกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล นี่คืออีกหนึ่งโอกาสที่คนไทยจะต้องสูญเสียไปจากการที่มีรัฐบาล “คิดไป ทำไป” หาทางซื้อคะแนนเสียงไปวันๆ

“คนไทยไม่กล้าฝัน ไม่กล้าหวังถึงอนาคตที่ดีกว่า ต้นตอก็มาจากรัฐบาลชุดนี้ที่เกิดขึ้นจากการจัดตั้งภายใต้ ‘ดีลแลกประเทศ’ ถึงวันนี้ ไม่มีแล้ว สองก๊ก สามก๊ก เหลือแค่ก๊กเดียวคือพรรคร่วมคณะรัฐประหาร ที่พวกเขาทั้งหมดคือพวกเดียวกัน หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว” นายณัฐพงษ์กล่าว.312 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]