สธ.5 ม.ค.- “นพ.ประสิทธิ์” เผยอาการผู้ว่าฯ สมุทรสาคร คงที่ มีแนวโน้มดีอัตราการอักเสบในอวัยวะและปอดลดลง ตอนนี้กลับมานอนท่าหงายและใส่ท่อช่วยหายใจ หากอาการคงที่อีกระยะคาด 2-3 วัน อาจถอดท่อช่วยหายใจได้ พร้อมแจงอัตราป่วยและเสียชีวิตโควิดรอบนี้ ไม่ได้มาจากเชื้อรุนแรง แต่มาจากพบแพทย์ช้าและสัมพันธ์กับพฤติกรรมที่ไปสถานที่ อโคจร เลยพบแพทย์รับยาไม่ทันกาล
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงความคืบหน้าอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่า สถานการณ์ในรอบ 24 ชั่วโมง เมื่อวานกลับมาใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่เมื่อวานอยู่ในท่านอนหงาย ออกซิเจนดี ผลเลือดตรวจอัตราการอักเสบ ลดน้อยลง ปัสสาวะ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้งหมด
แต่เมื่อเช้านี้ พบว่ามีระดับออกชิเจนในเลือดในต่ำลงนิดหน่อย มีแนวโน้มใช้เครื่องช่วยหายใจต่อไปอีกระยะหนึ่ง คนไข้หนักของ รพ.ศิริราชบางคนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจนาน 3-10 วัน ตอนนี้ผู้ว่าฯ ผ่านมาครึ่งทางแล้ว ขณะนี้เพียงรอเวลาให้ปอดส่วนที่เหลือทำงานได้ตามปกติ และยังต้องให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ต่อไปอีกระยะ คาดว่าหากอาการดีขึ้น 2-3 วัน ฝึกให้ผู้ว่าฯหายใจด้วยตัวเอง และถอดเครื่องช่วยหายใจ จากการภาพเอกซ์เรย์ปอดภาวะปอดอักเสบ แต่ก็นำมาใช้เพื่อยืนยันไม่ได้ ต้องอิงกับลักษณะท่านอนด้วย เพื่อดูระดับการไหลเวียนออกซิเจนในเลือด ตอนนี้สัญญาณคงที่ มีแนวโน้มดี
ส่วนภริยาผู้ว่าอาการดีขึ้น เตรียมหยุดยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งตามปกติคนที่รักษาโควิด-19 หากอาการไม่รุนแรงรับยาฟาวิพิราเวียร์แค่ 5 วัน อาการหนักถึงให้ยา 10 วัน
ศ.นพ. ประสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อสังเกตของการรักษาโควิดผู้ป่วยในรอบนี้ ของ รพ.ศิริราช ที่มีผู้ป่วยหนัก 17 คน พบว่าการป่วยในคนอายุน้อย 20-40 ปี ส่วนใหญ่มีอาการรุนแรงถึงมาพบแพทย์ และถึงได้รับการฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งความจริงยานี้ควรให้ทันทีก่อนมีอาการรุนแรง พร้อมยืนยันว่าอัตราการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยในรอบนี้ ไม่ได้มาจากเชื้อรุนแรงขึ้น แต่มาจากการพบแพทย์ช้า ซึ่งเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมที่อาจไปสถานที่ อโคจร เลยไม่กล้าบอกข้อมูลหรือมาพบแพทย์ .- สำนักข่าวไทย