ว่าที่ ปธน.-รอง ปธน.สหรัฐแถลงต่อคนทั้งประเทศ

วิลมิงตัน 8 พ.ย.- นายโจ ไบเดน และนางคามาลา แฮร์ริส ว่าที่ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐแถลงต่อชาวอเมริกันทั้งประเทศหลังจากทราบผลคะแนนคณะผู้เลือกตั้งแบบคาดการณ์ว่าชนะในรัฐเพนซิลเวเนีย ทำให้ได้เกิน 270 คะแนน ชนะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์


ไบเดนซึ่งจะมีอายุครบ 78 ปีในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ และนางแฮร์ริส วัย 56 ปี ขึ้นเวทีที่เชสเซ็นเตอร์ เมืองวิลมิงตัน รัฐแดลาแวร์เมื่อค่ำวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเช้าวันนี้ตามเวลาในไทย นางแฮร์ริสถอดหน้ากากอนามัยกล่าวเปิดด้วยการรำลึกถึง ส.ส.จอห์น ลูอิส รัฐจอร์เจีย พรรคเดโมแครตว่า ส.ส.ลูอิสได้บันทึกไว้ก่อนถึงแก่กรรมเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ด้วยวัย 80 ปีว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่สถานะ แต่คือการกระทำ ประชาธิปไตยของอเมริกาไม่ใช่สิ่งที่ได้รับการรับประกัน แต่จะแข็งแกร่งตราบเท่าที่มีเจตนารมณ์จะต่อสู้เพื่อปกป้อง ประชาธิปไตยของอเมริกามีความน่ายินดี มีความก้าวหน้า เพราะประชาชนทุกคนมีอำนาจในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวต่อไปว่า ทุกคนได้นำพาอเมริกาเข้าสู่วันใหม่ ทุกคนเลือกความหวัง ความเป็นเอกภาพ ความเหมาะสม วิทยาศาสตร์ และความจริง และเลือกโจ ไบเดนเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา โจเป็นผู้เยียวยา การประสบความสูญเสียด้วยตัวเองทำให้เขามีจุดหมายที่จะช่วยทุกคนทั้งประเทศกอบกู้จุดหมายกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับยกย่องไบเดนที่กล้าทลายกำแพงด้วยการเลือกเธอเป็นผู้สมัครคู่ชิงรองประธานาธิบดี เธออาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะดำรงตำแหน่งนี้ แต่จะไม่เป็นคนสุดท้ายอย่างแน่นอน


ชาวอเมริกันยินดีหลังทราบผลไบเดนชนะ

จากนั้นไบเดนวิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นเวทีขณะที่สวมหน้ากากอนามัยอยู่ เขาย้ำว่า ได้รับคะแนนจากประชาชนมากที่สุดเท่าที่เคยมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีถึง 74 ล้านคะแนน ขอรับปากว่าจะไม่สร้างความแตกแยก ไม่แบ่งรัฐสีน้ำเงินและสีแดง จะกอบกู้จิตวิญญาณอเมริกา เสริมสร้างชนชั้นกลางที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศให้แข็งแกร่งอีกครั้ง ทำให้อเมริกาได้รับเกียรติจากทั่วโลกอีกครั้ง ไบเดนยกย่องผู้ช่วยหาเสียงทุกคนที่ประกอบด้วยคนหลากหลายเพศวัยเชื้อชาติ และขอให้ผู้สนับสนุนทรัมป์และเขาให้โอกาสกันและกัน เลิกใช้ถ้อยคำรุนแรง มองและฟังกัน หยุดมองฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรู เขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อคนที่ไม่ได้ลงคะแนนให้ ให้เหมือนกันคนที่ลงคะแนนให้

ไบดนเผยว่า ภารกิจแรกของเขาคือการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้กลับไปมีชีวิตตามเดิม วันจันทร์นี้เขาจะเสนอชื่อนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งทำหน้าที่ที่ปรึกษาเพื่อวางแผนและร่างแผนปฏิบัติการเพื่อพร้อมดำเนินการทันทีในวันสาบานตนรับตำแหน่ง 20 มกราคมปีหน้า ว่าที่ผู้นำคนที่ 46 ของสหรัฐปิดท้ายด้วยการขอให้อเมริกันชนช่วยกันแพร่กระจายความศรัทธา เพราะไม่เคยมีสิ่งใดที่ชาวอเมริกันพยายามแล้วไม่สามารถทำได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

“กริพเพน” ครั้งแรกในไทย เครื่องบินวิ่งบนถนน

วันนี้กองทัพอากาศได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยการใช้ถนนเป็นรันเวย์สำหรับเครื่องบินรบ

รัฐบาลแจงส่ง 45 อุยกูร์ให้จีน กลับคืนสู่ครอบครัวปลอดภัย

รัฐบาลแจงเหตุส่งชาวอุยกูร์ 45 คนให้จีน ยืนยันกลับคืนสู่ครอบครัวด้วยความปลอดภัย แสดงให้เห็นว่าจีนเคารพเรื่องสิทธิมนุษยชน

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี