ศปถ.แถลง 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ ดับแล้ว 27 ราย

กรุงเทพฯ 12 เม.ย. – ศปถ. แถลง 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ เกิดอุบัติเหตุ 211 ครั้ง บาดเจ็บ 201 คน เสียชีวิต 27 ราย กทม. แชมป์ 5 ศพ สาเหตุขับรถเร็ว พร้อมกำชับช่วงวันเฉลิมฉลอง ส่งตำรวจพื้นที่จัดงาน-ปั๊มน้ำมัน สังเกตพบพฤติกรรมเมาจับตรวจแอลกอฮอล์และให้พักทันที


นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงษ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวการประชุมครั้งแรกหลังจากเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ 2568 ตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายน ภายใต้ชื่อ “ขับขี่ปลอดภัยเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้น 211 ครั้ง ลดลงจากปีที่แล้ว 13.52%

จังหวัดมุกดาหาร เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 11 ครั้ง รองลงมาจังหวัดสุพรรณบุรี 9 ครั้ง และจังหวัดพังงา จังหวัดลำปาง จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเพชรบุรี 8 ครั้ง ผู้บาดเจ็บที่ต้องนอนโรงพยาบาล 201 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 19.92%


จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดคือ จังหวัดมุกดาหาร 12 คน รองลงมา ได้แก่ จังหวัดพังงา และจังหวัดสุพรรณบุรี 9 คน และจังหวัดราชบุรี จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน และจังหวัดเชียงราย 8 คน

ผู้เสียชีวิต 27 ราย ลดลงจากปีที่แล้ว 27.03% จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือ กรุงเทพฯ 5 ราย รองลงมา ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตราด จังหวัดนครปฐม จังหวัดลพบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดอุดรธานี 2 ราย โดยสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากขับรถเร็ว 86 ครั้ง ตัดหน้ากระชั้นชิด 52 ครั้ง ดื่มแล้วขับ 48 ครั้ง

ทั้งนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ส่วนพฤติกรรมของผู้ประสบเหตุที่เกิดขึ้นคือ การขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย 114 คน และขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด 5 คน ดื่มแล้วขับ 45 คน ตัดหน้ากระชั้นชิด 24 คน


สำหรับประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ 179 คัน รองลงมาเป็นรถปิกอัพหรือรถกระบะ 12 คัน รถเก๋ง 10 คัน

ส่วนการเสียชีวิต กรณีการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 12 ราย เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล 2 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 13 ราย โดยสาเหตุของผู้ที่เสียชีวิต อันดับ 1 คือ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 16 ราย พฤติกรรมเสี่ยงคือขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยไม่สวมหมวกนิรภัย จำนวน 11 ราย

สำหรับด่านชุมชนมีจำนวน 7,371 ด่าน ในการป้องปรามและลดพฤติกรรมเสี่ยง พบว่าพฤติกรรมดื่มแล้วขับยังมีจำนวนมากอยู่ 1,237 คน จังหวัดที่มีผลของการดำเนินงานในด่านชุมชนสูงสุดคือ ขอนแก่น และที่ด่านชุมชนพบว่าไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 5,137 คน จังหวัดที่พบคือ ปัตตานี ส่วนการไม่สวมหมวกนิรภัย ที่ด่านชุมชน 12,847 คน คือจังหวัดตาก สำหรับความปลอดภัยของยานพาหนะ จำนวน 922 คน จังหวัดที่มีการดำเนินการสูงสุดคือ อุบลราชธานี และพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ 586 คน คือจังหวัดอุดรธานี

สำหรับสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติวันที่ 11 เมษายน ทั้งหมด 326 คดี มีการสั่งการให้ติดกำไล EM จำนวน 9 ราย คดีตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก ขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 276 คดี ติดกำไล EM 1 ราย คดีขับแล้วเสพ 47 คดี ติดกำไล EM 8 ราย ขับรถประมาท 3 คดี จังหวัดที่มีสถิติขับรถขณะเมาสุรา 3 ลำดับแรกคือ จังหวัดนนทบุรี 40 คดี จังหวัดสมุทรปราการ 35 คดี และจังหวัดกำแพงเพชร 27 คดี

พร้อมกันนี้ นายแพทย์โอภาส กล่าวถึงการรับมือช่วงวันเฉลิมฉลองว่า คงต้องเน้นย้ำตำรวจในการตั้งด่านต่างๆ ให้สังเกตพฤติกรรม ไม่ใช่แค่ตั้งด่านเฉยๆ ซึ่งรอง ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทางหลวง ให้ใช้ความระมัดระวัง และเพิ่มความละเอียดกำชับเข้มงวด รวมถึงนำข้อมูลต่างๆ มาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม วันนี้พบว่ามีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนอกจากการดื่มแล้วขับแล้ว ยังมีการบริโภคยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้บางอย่างจะทำให้ง่วงนอน แต่ยังมียาคลายกล้ามเนื้อก็ทำให้ง่วงนอนเช่นกัน จึงอยากฝากประชาชนให้ดูแลในเรื่องนี้ด้วย เพราะการง่วงนอนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเสียชีวิต ดังนั้น ถ้าง่วงนอนก็ขอให้จอดรถนอกพัก 10-20 นาที และดื่มเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ อาจทำให้สดชื่นได้ ถ้าหากง่วงก็อย่าฝืน ชีวิตความปลอดภัยสำคัญกว่า

ด้าน พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศลงไปพื้นที่จัดงาน ไม่ว่าจะเป็นงานขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรืองานกินเลี้ยงกันภายในหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อสร้างการรับรู้ให้รู้ว่าผู้จัดงานต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบถ้ากรณีผู้ที่มาร่วมงานมีอาการมึนเมาสุราขับขี่ออกไปแล้วเกิดอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นจะเข้าไปประชาสัมพันธ์ทุกจุดหน้างาน หากพบจะขอให้พักอยู่ในพื้นที่จัดงาน หรือส่วนราชการใกล้เคียง หรือหน่วยบริการประชาชน และพยายามทำให้ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่สามารถครองสติได้ขับขี่รถให้น้อยที่สุด ซึ่งผู้จัดงานต้องให้ความร่วมมือในการสอดส่องดูแลผู้ที่มาร่วมกิจกรรม ถ้าดื่มสุราจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็ไม่ควรปล่อยให้ออกจากพื้นที่จัดงาน

นอกจากนี้มีการเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอยู่ในปั๊มน้ำมัน เพราะคนดื่มสุรามักจะปวดปัสสาวะและต้องการเข้าห้องน้ำ หากเราสังเกตเห็นพฤติกรรมเดินเซ หน้าแดง จะมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ และนำส่งหน่วยบริการประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อให้ได้พักก่อนที่จะขับขี่รถ.-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]