ศปถ.แถลง 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ ดับแล้ว 27 ราย

กรุงเทพฯ 12 เม.ย. – ศปถ. แถลง 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ เกิดอุบัติเหตุ 211 ครั้ง บาดเจ็บ 201 คน เสียชีวิต 27 ราย กทม. แชมป์ 5 ศพ สาเหตุขับรถเร็ว พร้อมกำชับช่วงวันเฉลิมฉลอง ส่งตำรวจพื้นที่จัดงาน-ปั๊มน้ำมัน สังเกตพบพฤติกรรมเมาจับตรวจแอลกอฮอล์และให้พักทันที


นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงษ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวการประชุมครั้งแรกหลังจากเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ 2568 ตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายน ภายใต้ชื่อ “ขับขี่ปลอดภัยเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้น 211 ครั้ง ลดลงจากปีที่แล้ว 13.52%

จังหวัดมุกดาหาร เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 11 ครั้ง รองลงมาจังหวัดสุพรรณบุรี 9 ครั้ง และจังหวัดพังงา จังหวัดลำปาง จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเพชรบุรี 8 ครั้ง ผู้บาดเจ็บที่ต้องนอนโรงพยาบาล 201 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 19.92%


จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดคือ จังหวัดมุกดาหาร 12 คน รองลงมา ได้แก่ จังหวัดพังงา และจังหวัดสุพรรณบุรี 9 คน และจังหวัดราชบุรี จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน และจังหวัดเชียงราย 8 คน

ผู้เสียชีวิต 27 ราย ลดลงจากปีที่แล้ว 27.03% จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือ กรุงเทพฯ 5 ราย รองลงมา ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตราด จังหวัดนครปฐม จังหวัดลพบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดอุดรธานี 2 ราย โดยสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากขับรถเร็ว 86 ครั้ง ตัดหน้ากระชั้นชิด 52 ครั้ง ดื่มแล้วขับ 48 ครั้ง

ทั้งนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ส่วนพฤติกรรมของผู้ประสบเหตุที่เกิดขึ้นคือ การขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย 114 คน และขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด 5 คน ดื่มแล้วขับ 45 คน ตัดหน้ากระชั้นชิด 24 คน


สำหรับประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ 179 คัน รองลงมาเป็นรถปิกอัพหรือรถกระบะ 12 คัน รถเก๋ง 10 คัน

ส่วนการเสียชีวิต กรณีการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 12 ราย เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล 2 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 13 ราย โดยสาเหตุของผู้ที่เสียชีวิต อันดับ 1 คือ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 16 ราย พฤติกรรมเสี่ยงคือขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยไม่สวมหมวกนิรภัย จำนวน 11 ราย

สำหรับด่านชุมชนมีจำนวน 7,371 ด่าน ในการป้องปรามและลดพฤติกรรมเสี่ยง พบว่าพฤติกรรมดื่มแล้วขับยังมีจำนวนมากอยู่ 1,237 คน จังหวัดที่มีผลของการดำเนินงานในด่านชุมชนสูงสุดคือ ขอนแก่น และที่ด่านชุมชนพบว่าไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 5,137 คน จังหวัดที่พบคือ ปัตตานี ส่วนการไม่สวมหมวกนิรภัย ที่ด่านชุมชน 12,847 คน คือจังหวัดตาก สำหรับความปลอดภัยของยานพาหนะ จำนวน 922 คน จังหวัดที่มีการดำเนินการสูงสุดคือ อุบลราชธานี และพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ 586 คน คือจังหวัดอุดรธานี

สำหรับสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติวันที่ 11 เมษายน ทั้งหมด 326 คดี มีการสั่งการให้ติดกำไล EM จำนวน 9 ราย คดีตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก ขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 276 คดี ติดกำไล EM 1 ราย คดีขับแล้วเสพ 47 คดี ติดกำไล EM 8 ราย ขับรถประมาท 3 คดี จังหวัดที่มีสถิติขับรถขณะเมาสุรา 3 ลำดับแรกคือ จังหวัดนนทบุรี 40 คดี จังหวัดสมุทรปราการ 35 คดี และจังหวัดกำแพงเพชร 27 คดี

พร้อมกันนี้ นายแพทย์โอภาส กล่าวถึงการรับมือช่วงวันเฉลิมฉลองว่า คงต้องเน้นย้ำตำรวจในการตั้งด่านต่างๆ ให้สังเกตพฤติกรรม ไม่ใช่แค่ตั้งด่านเฉยๆ ซึ่งรอง ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทางหลวง ให้ใช้ความระมัดระวัง และเพิ่มความละเอียดกำชับเข้มงวด รวมถึงนำข้อมูลต่างๆ มาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม วันนี้พบว่ามีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนอกจากการดื่มแล้วขับแล้ว ยังมีการบริโภคยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้บางอย่างจะทำให้ง่วงนอน แต่ยังมียาคลายกล้ามเนื้อก็ทำให้ง่วงนอนเช่นกัน จึงอยากฝากประชาชนให้ดูแลในเรื่องนี้ด้วย เพราะการง่วงนอนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเสียชีวิต ดังนั้น ถ้าง่วงนอนก็ขอให้จอดรถนอกพัก 10-20 นาที และดื่มเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ อาจทำให้สดชื่นได้ ถ้าหากง่วงก็อย่าฝืน ชีวิตความปลอดภัยสำคัญกว่า

ด้าน พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศลงไปพื้นที่จัดงาน ไม่ว่าจะเป็นงานขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรืองานกินเลี้ยงกันภายในหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อสร้างการรับรู้ให้รู้ว่าผู้จัดงานต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบถ้ากรณีผู้ที่มาร่วมงานมีอาการมึนเมาสุราขับขี่ออกไปแล้วเกิดอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นจะเข้าไปประชาสัมพันธ์ทุกจุดหน้างาน หากพบจะขอให้พักอยู่ในพื้นที่จัดงาน หรือส่วนราชการใกล้เคียง หรือหน่วยบริการประชาชน และพยายามทำให้ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่สามารถครองสติได้ขับขี่รถให้น้อยที่สุด ซึ่งผู้จัดงานต้องให้ความร่วมมือในการสอดส่องดูแลผู้ที่มาร่วมกิจกรรม ถ้าดื่มสุราจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็ไม่ควรปล่อยให้ออกจากพื้นที่จัดงาน

นอกจากนี้มีการเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอยู่ในปั๊มน้ำมัน เพราะคนดื่มสุรามักจะปวดปัสสาวะและต้องการเข้าห้องน้ำ หากเราสังเกตเห็นพฤติกรรมเดินเซ หน้าแดง จะมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ และนำส่งหน่วยบริการประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อให้ได้พักก่อนที่จะขับขี่รถ.-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย