ระดมทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวกรับการเดินทาง ปชช.

กรุงเทพ 12 เม.ย.- “สุริยะ” ระดมทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวก-ปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เน้นย้ำถึงมาตรการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางของประชาชนสู่จุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ และเชื่อมโยงการทุกโหมดเดินทาง ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ โดยสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมกำกับดูแลการเดินทางอย่างเต็มกำลังในทุกมิติ พร้อมเน้นย้ำการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด เพื่อลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สอดคล้องกับการรณรงค์ “เทศกาลความสุข ทุกที่ทั่วไทย เดินทางสะดวก ปลอดภัยบนโครงข่ายคมนาคม”

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยคมนาคม (ศปภ.คค.) ระหว่างวันที่ 11 – 18 เมษายน 2568 โดยบูรณาการกับหน่วยงานในสังกัดด้านข้อมูลการเดินทางด้วยระบบ CCTV จาก 8 หน่วยงาน 454 กล้อง ในทุกโหมดการเดินทาง เพื่อติดตามข้อมูลสภาพจราจร ความหนาแน่นของผู้โดยสารและข้อมูลด้านความปลอดภัย พร้อมดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุในช่วงเวลาดังกล่าว และหากเกิดเหตุจะมีการบัญชาการผ่านระบบออนไลน์เพื่อบริหารจัดการเหตุการณ์อย่างทันท่วงที โดยตั้งเป้าหมายลดจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ตลอดจนจำนวนรถโดยสารสาธารณะที่เกิดอุบัติเหตุให้ลดลง 5% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงเวลาเดียวกันย้อนหลัง 3 ปี


สำหรับการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ในด้านการอำนวย ความสะดวก ประกอบด้วย กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะและพนักงานขับรถ รวมถึงควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงผ่านระบบ GPS โดยมีการกำหนดจุดเสี่ยง (Zoning) ห้ามรถโดยสารไม่ประจำทางแบบ 2 ชั้นผ่านเส้นทางดังกล่าว 7 จุด นอกจากนี้ ได้จัดทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสภาพรถโดยสารที่จะนำมาให้บริการ และกำชับผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด โดยจะมีการตรวจความพร้อมรถโดยสารและพนักงานขับรถตาม Checklist ณ สถานีขนส่งและจุดจอด รวม 169 จุด รวมถึง Rest Area ใน 13 จังหวัด 16 จุด และ Checking Point ใน 26 จังหวัด 28 จุดทั่วประเทศ

กรมทางหลวง (ทล.) ตรวจสอบและปรับปรุงป้ายจราจร สัญญาณไฟจราจร และไฟฟ้าแสงสว่างให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน บำรุงรักษาทางหลวง แก้ไขจุดเสี่ยง จุดอันตราย และเตรียมรถบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน คืนผิวจราจรในพื้นที่ก่อสร้างทุกโครงการหากมีปริมาณจราจรหนาแน่นบนเส้นทางหลักจะประสานงานกับตำรวจทางหลวงเพื่อเปิดช่องทางพิเศษ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่บริหารการจราจร นอกจากนี้ ได้จัดตั้งจุดให้บริการทั่วประเทศ 423 แห่ง ตลอด 24 ชั่วโมง และเปิดให้ใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และ 9 (M7 และ M9) ฟรี ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 เปิดให้วิ่งชั่วคราว M6 ช่วงด่านหินกอง – ปากช่อง – นครราชสีมา วันที่ 11 – 13 เมษายน 2568 วิ่งขาออกมุ่งหน้าสู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ส่วนวันที่ 14 – 17 เมษายน 2568 วิ่งขาเข้ามุ่งหน้าตำบลหินกอง อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี รวมทั้งเปิดใช้ M81 ช่วงเดียวกัน ด้านกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้แนะนำเส้นทางรองเพื่อเลี่ยงจราจรติดขัดสำหรับวางแผนการเดินทาง รวมถึงให้หยุดงานก่อสร้างคืนพื้นผิวจราจร จัดตั้งศูนย์อำนวยความปลอดภัย หน่วยบริการประชาชน ชุดตรวจการณ์เฝ้าระวังอุบัติเหตุและเจ้าหน้าที่ประจำสายด่วน 1146 นอกจากนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ยกเว้นการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษ 5 สายทาง ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 ได้แก่ ทางพิเศษบูรพาวิถี และกาญจนาภิเษก และวันที่ 13 – 15 เมษายน 2568 ได้แก่ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ศรีรัช และอุดรรัถยา

ในส่วนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้จัดรถโดยสารให้บริการรับ – ส่งประชาชนที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 กับ BTS หมอชิต และ MRT สวนจตุจักร และจัดรถเชื่อมต่อสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ และท่าอากาศยาน และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้ปรับปรุงพื้นที่จำหน่ายตั๋วโดยสารภายในสถานีขนส่งหมอชิต 2 จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก เจ้าหน้าที่บริการ และระบบเชื่อมต่อการเดินทาง พร้อมตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสาร บขส. รถร่วมบริการ และพนักงานขับรถ รวมถึงได้เตรียมรถเสริมทะเบียน 30 เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ พร้อมตั้งศูนย์ประสานงานด้านการจราจรเพื่อจัดการจรจาจรโดยรอบให้เป็นระเบียบเรียบร้อย


การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เพิ่มตู้โดยสารในขบวนรถประจำให้เต็มหน่วยลากจูง พร้อมรถเสริมพิเศษ 26 เที่ยว ในเส้นทางสายเหนือ อีสาน และใต้ ทั้งเที่ยวไปและกลับ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก และจัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนรถไฟ ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และสารเสพติดของพนักงานก่อนปฏิบัติหน้าที่ และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังความปลอดภัยผ่าน CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง ด้านการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้กำกับดูแลพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย และกำชับผู้รับจ้างปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด รวมถึงได้ร่วมรณรงค์การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งภายในสถานี ขบวนรถไฟฟ้าและตลอดแนวเส้นทางก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทุกสาย และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ตรวจสอบไม่ให้บุคคลที่มีอาการมึนเมา ไม่สามารถควบคุมตนเองได้เข้าภายในระบบ ไม่อนุญาตให้นำวัตถุต้องห้ามเข้าในระบบ โดยจะมีเจ้าหน้าที่สังเกตพฤติกรรมของผู้ใช้บริการผ่าน CCTV ตลอดระยะเวลาการให้บริการ รวมถึงการจัดชุดตรวจลาดตระเวน และประสานตำรวจท้องที่ พร้อมด้วยสุนัข K-9 ตรวจตราและเข้มงวดเป็นพิเศษในจุดที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุอันตรายต่อผู้ใช้บริการตั้งแต่วันที่ 9 – 17 เมษายน 2568

ในส่วนของกรมเจ้าท่า (จท.) จัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกและประชาสัมพันธ์ทางน้ำประจำท่าเทียบเรือต่าง ๆ และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดูแลรักษาความปลอดภัยทางน้ำ รวมถึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยโดยเคร่งครัด การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดโครงการขับขี่ปลอดภัย ล็อกสลักนิรภัย ปลอดภัยทุกเส้นทาง เพื่อรณรงค์ให้ผู้ขับขี่รถบรรทุกสินค้าที่ผ่านเข้า – ออกภายในบริเวณเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นอกจากนี้ ท่าเรือแหลมฉบัง ได้เตรียมจัดจุดบริการเพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างมั่นใจตลอดช่วงเทสกาล

กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กำชับให้เข้มงวดตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยในทุกขั้นตอน ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารอย่างเต็มที่ จนกว่าผู้โดยสารคนสุดท้ายจะออกจากท่าอากาศยาน ส่วนบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ได้วางแผนการบริหารจัดการจราจรทางอากาศให้ปลอดภัย ลดความแออัด ลดความล่าช้า เตรียมความพร้อมด้านระบบ อุปกรณ์ และบุคลากรให้มีความต่อเนื่องในการให้บริการ และเตรียมสถานที่ปฏิบัติงานสำรอง และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบค่าโดยสารเส้นทางภายในประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง พร้อมเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบอากาศยาน การปฏิบัติการบิน และผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งเตรียมความพร้อมและแผนสำรองกรณีอากาศยานขัดข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงานและผู้โดยสาร

ด้านบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดพื้นที่จอดรถฟรี ในท่าอากาศยาน 4 แห่ง ตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 12 เมษายน 2568 – 24.00 น. ของวันที่ 16 เมษายน 2568 ได้แก่ 1) ลานจอดรถระยะยาว โซน C ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2) ลานจอดหน้าอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น ท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมจัดรถรับ – ส่ง ผู้โดยสารไปยังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ประตู 6 ตลอด 24 ชั่วโมง 3) ลานช้างข้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศท่าอากาศยานเชียงใหม่ และ 4) หน้าอาคารสำนักงานท่าอากาศยานภูเก็ต

นอกจากนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง แจ้งเหตุ หรือร้องเรียนได้ที่

  • ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม โทร. 1356
  • ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ โทร. 1584
  • ศูนย์บัญชาการกรมทางหลวง โทร. 1586
  • ศูนย์ความปลอดภัยกรมทางหลวงชนบท โทร. 1146
  • ศูนย์รัชดา องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โทร. 1348
  • บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. 1490
  • การทางพิเศษแห่งประเทศไทย โทร. 1543
  • สายด่วนกรมเจ้าท่า โทร. 1199
  • ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โทร. 0 2716 4044
  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) : AOT Contact Center โทร. 1722
  • ศูนย์ประสานงานการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย โทร. 0 2286 0506/สำนักข่าวไทย-513
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]