ยธ. 10 ก.ย.-“สมศักดิ์” ส่งดีเอสไอ-คุ้มครองสิทธิฯ ช่วยชาวเมืองกาญจน์กว่า 300 ราย ร้องถูก ส.ป.ก.-บริษัทเอกชน สมคบทำโครงการปลูกไผ่จีน แถมให้กู้เงินลงทุน-รับซื้อผลผลิต สุดท้ายลอยแพเกษตรกร ต้องโดนฟ้องชำระหนี้กว่า 21 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี นำตัวแทนผู้เสียหายจำนวน 30 คน จากจำนวนผู้เสียหายทั้งหมด 361 ราย ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เข้าพบนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ กรณีสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จ.กาญจนบุรี ชักชวนชาวบ้านในพื้นที่ ส.ป.ก.เข้าร่วมโครงการปลูกต้นไผ่จีน หรือไผ่กิมซุง โดยทำบันทึกข้อตกร่วมกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และ ส.ป.ก.ให้ชาวบ้านทำสัญญากู้ยืมเงินเพื่อนำมาลงทุน ในราคาไร่ละ 30,000 บาท ส่วนบริษัทเอกชนจะจัดหาต้นพันธุ์มาจำหน่ายในราคาต้นละ 160 บาท และจะสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อรับซื้อผลผลิตจากชาวบ้าน แต่ในภายหลังไม่ได้มีการรับซื้อผลผลิตเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายในทุกพื้นที่
นายสมศักดิ์ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีชาวบ้าน 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ด่านมะขามเตี้ย อ.เลาขวัญ อ.เมือง อ.ไทรโยค อ.บ่อพลอย อ.หนองปรือ และ อ.ทองผาภูมิ อ.ศรีสวัสดิ์ ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สินในโครงการดังกล่าว และมีการฟ้องร้องระหว่าง ส.ป.ก.กับชาวบ้าน ตั้งแต่ปี 2554 หลังจากบริษัทเอกชนหยุดรับซื้อผลผลิต และ ส.ป.ก.ฟ้องให้ชาวบ้านชำระหนี้เงินกู้ทุกราย ที่ผ่านมาศาลได้ตัดสินให้ชาวบ้านชำระหนี้ไปแล้ว 13 ราย โดยศาลตัดสินให้ชาวบ้านผ่อนชำระหนี้เดือนละ 3,000 บาท ต่อมามีการเจรจาไกล่เกลี่ยขอผ่อนชำระหนี้เดือนละ 300 บาท ส่วนกลุ่มที่เหลือเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องและมีการเจรจาไกล่เกลี่ย จึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมเข้ามาให้การช่วยเหลือทั้งเรื่องคดีความ และตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐเนื่องจากผู้ที่ชักชวนให้ชาวบ้านร่วมลงทุน เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
นายประจวบ สอนดี ตัวแทนเกษตรกร กล่าวว่า ในปี 2550 ทางสำนักงานปฎิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) จ.กาญจนบุรี ได้มาชักชวนชาวบ้านที่อาศัยในที่ดิน ส.ป.ก. ให้เข้าร่วมโครงการปลูกไผ่จีน โดยมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้จัดหาพันธุ์ ซึ่งเป็นกิ่งปักชำมาจำหน่ายให้ในราคากิ่งละ 160 บาท และบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาให้คำปรึกษาจนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้พร้อมมีโรงงานรับซื้อผลผลิต ตนเห็นว่าจะทำให้มีรายได้ดี เพราะมีโรงงานรับซื้ออยู่ในพื้นที่ จึงตัดสินใจลงทุนปลูกไผ่บนที่ดินจำนวน 2 ไร่ โดย ส.ป.ก.ทำสัญญาให้กู้ยืมเงินลงทุนไร่ละ 30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 60,000 บาท โดยในช่วง 2-3 ปีแรก บริษัทดังกล่าวรับซื้อผลผลิตจริงในราคากิโลกรัมละ 6-20 บาท แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการรับซื้อ และโรงงานที่ระบุว่าจะสร้างเพื่อนำไผ่ไปแปรรูปส่งขายต่างประเทศก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
“ผลผลิตที่ขายได้ ไม่คุ้มกับเงินที่นำไปลงทุน ลงทุนไป 60,000 บาท ขายหน่อไผ่ได้ปีละไม่ถึง 4,000 บาท เพราะไผ่จะออกหน่อในช่วงฤดูแล้ง ช่วงฤดูฝน หรืออากาศเย็นๆ จะไม่ออกหน่อ ขายได้ช่วงเดียว และคนก็ไม่นิยมกินเหมือนกับไผ่ทั่วไป พอไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ที่แนะนำบริษัทนายทุนเข้ามา ก็ได้แต่บอกว่าบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่มาดูแล แล้วก็หายไปเลยจึงน่าเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.กับนายทุนน่าจะร่วมมือกันหลอกลวงชาวบ้านลงทุนจนได้รับความเสียหาย
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า รับทราบความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยให้ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุขรับเรื่องและรวบรวมรายละเอียดส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งดีเอสไอจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ในการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดว่าจะเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงหรือหลอกลวงประชาชนหรือไม่ เบื้องต้นทราบมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากชาวบ้านไปกู้ยืมเงินจากส.ป.ก. เพื่อนำมาปลูกไผ่มูลค่า 21 ล้านบาท รวมทั้งความเสียหายที่เกิดจากการลงทุนและจำหน่ายผลผลิตไม่ได้ นอกจากนี้ได้มอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ดูช่องทางการช่วยเหลือว่าจะเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อยุติปัญหาการชำระหนี้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเรื่องดังกล่าว ส.ป.ก. มีส่วนร่วมในการแนะนำให้เกษตรกรลงทุน ซึ่งเกษตรกรก็เชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะเห็นว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น ส.ป.ก.ก็ควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย
“ผมจะพยายามแก้ไขปัญหานี้ให้ดีที่สุด โดยใช้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา เพราะเชื่อว่ายังมีประชาชนถูกหลอกในลักษณะนี้อีกจำนวนมาก และหากมีการฟ้องร้องจนคดีถึงที่สุดแล้วเกษตรกรอาจไม่ต้องชำระหนี้เลยสักบาทก็ได้ เพราะเคยมีคดีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้ว”นายสมศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย