กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – ผู้ว่าฯ ธปท.ระบุเศรษฐกิจไทยอาจติดลบลึกสุดในภูมิภาค เพราะพึ่งพาต่างประเทศสูง อย่ามองโลกแง่ดีเกินไป แนะเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ พร้อมห่วงค่าเงินผันผวนหนัก ขณะที่ไทยยังคงใช้มาตรการดอกเบี้ยนโยบายต่ำจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นชัดเจน ชี้เครื่องมือนโยบายการเงินการคลังเริ่มจำกัด แนะทำมาตรการเจาะจง ลดใช้มาตรการหว่านแห
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ประเทศไทยพึ่งพาต่างประเทศมากเกินไป แนะเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจหันกลับมาพึ่งพาภายใน แม้ขณะนี้กำลังซื้อในประเทศจะชดเชยไม่ได้ แต่หากไม่ทำเศรษฐกิจไทยมีโอกาสติดลบมากสุดในภูมิภาค โดยมองเศรษฐกิจไทยใช้เวลา 2 ปีจึงจะฟื้นกลับมาเท่ากับก่อนเกิดโควิด โดยจะฟื้นแบบเครื่องหมายถูกหางยาว เตือนแม้เศรษฐกิจไทยจะผ่านจุดต่ำสุดไตรมาส 2 แล้ว แต่อย่ามองโลกแง่ดีว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแบบเป็นธรรมชาติตามวัฎจักร เพราะต่างประเทศยังมีปัญหาโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย
ทั้งนี้ แนะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งทรัพยากรภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาครัฐ ให้คุ้มค่ามากขึ้น มาตรการต้องเฉพาะเจาะจง ลดการใช้มาตรการหว่านแห พร้อมแสดงความเป็นห่วงตัวเลขว่างงานเพิ่มขึ้น โจทย์สำคัญ คือ สร้างงานอย่างน้อย 1 ล้านตำแหน่งที่มีความต่อเนื่อง
พร้อมแสดงความเป็นห่วงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน จากสภาพคล่องในระบบที่สูงหลังธนาคารกลางหลายประเทศอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบสูง แนะทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน และซื้อขายด้วยสกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายของไทยอาจจำเป็นต้องใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำต่อเนื่องไปอีกพอสมควร จนกว่าเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น และยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์เงินเฟ้อในขณะนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม เครื่องมือที่มีทั้งนโยบายการเงินและการคลังมีข้อจำกัดมากขึ้น แนะประสานนโยบายเข้าด้วยกัน เพื่อลดการใช้นโยบายอย่างสิ้นเปลือง
นายวิรไท กล่าวถึงนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ที่จะมารับไม้ต่อวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ว่า มีความเชื่อมั่นในฝีมือของนายเศรษฐพุฒิ และเชื่อว่าจะสานต่องานหลักในยุทธศาสตร์ของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ เพราะมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี จากการที่ดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการนโยบายการเงิน 6 ปี และดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย 3 ปี โดยที่ผ่านมาได้มีส่วนสำคัญในการแสดงความเห็น และอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ของแบงก์ชาติ ทำให้การทำงานเดินหน้าเร็วขึ้น พร้อมฝากถึงผู้ว่าคนใหม่ ให้เดินหน้าเรื่องการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ ควบคู่การปรับโครงสร้างธุรกิจ รวมทั้งการดูแลรักษาเสถียรภาพระบบการเงินทั้งหมด ที่ไม่ใช่เฉพาะระบบธนาคารพาณิชย์ เพราะปัจจุบันสภาพคล่องส่วนเกินทางการเงินในตลาดโลกมีสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ พฤติกรรมนักลงทุนหันไปหาการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนสูง แต่เศรษฐกิจอ่อนแอลง ซึ่งการดูแลระบบเสถียรภาพทางการเงินไทยถือมีความสำคัญ โดยนายวิรไท ยังระบุถึงตนเองที่จะครบวาระเดือนกันยายนนี้ด้วยว่า ยังคงอยู่ในแวดวงเศรษฐกิจ แต่จะทำงานด้านสังคมมากขึ้นตามที่ตั้งใจไว้.-สำนักข่าวไทย