นายก​ฯ​ ปาฐกถา​พิเศษ​ Global Soft Power Talk

NBT 24 ก.พ.-นายก​ฯ​ ปาฐกถา​พิเศษ​ Global Soft Power Talk​ : The New Rules of Soft Power​ พลิกโฉมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้วยไอเดียระดับโลก​ บอกไทยไม่ใช่แค่เป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม-ปลายทางท่องเที่ยว แต่พร้อมเป็นผู้นำ​ Soft Power​ ในเวทีโลก ชวนต่างชาติลงทุน ลั่นไม่ใช่แค่ผลตอบแทนระยะสั้น แต่เสนออนาคตที่มั่นคง

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปิดงานเสวนา Global Soft Power Talk : The New Rules of Soft Power ว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้กล่าวในงาน Global Soft Power Talk ที่จัดเป็นครั้งแรก เพราะเวทีนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของหนทางที่ประเทศไทยจะกำหนดบทบาทของตนเองบนเวทีโลกผ่าน ความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และนวัตกรรม ตนขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อ THACCA และ Melco Resorts & Entertainment ที่ได้ร่วมกันจัดงานสำคัญนี้ขึ้น รวมถึงขอขอบคุณวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทั้ง Alain Ducasse, Mathieu Lehanneur, Viviana Muscettola, Giuliano Peparini, Richard Christiansen และไมค์ ไวท์ ที่ได้มาร่วมแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และวิสัยทัศน์ที่มีคุณค่าแก่พวกเรา


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า Soft Power ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นพลังที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และโลกอย่างแท้จริง ประเทศไทยเป็นประเทศที่มี ประเพณี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม มายาวนาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านทั้งงานศิลปะ อาหาร การต้อนรับ และวิถีชีวิตของเรา ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

“แต่วันนี้เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ แม้ว่าประเพณีและวัฒนธรรมจะเป็นตัวกำหนดอัตลักษณ์ของเรา แต่มันไม่ควรเป็นข้อจำกัดของอนาคตเรา ในอดีตโลกอาจรู้จักประเทศไทยเพียงแค่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม หรือจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่งดงาม แต่วันนี้เรากำลังเดินหน้าสู่การเป็น ผู้นำระดับโลกด้านความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และนวัตกรรม หลายทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเติบโตจากภาคการผลิต เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านั้นไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประเทศที่ลงทุนในด้านความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และศักยภาพของประชาชนจะเป็นประเทศที่มีอนาคต” นายกรัฐมนตรี


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า Soft Power ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือสร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมหรือการเมือง แต่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประเทศที่สามารถใช้ Soft Power ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ขยายอิทธิพลในเวทีโลก แต่ยังสร้างงาน ดึงดูดการลงทุน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของตนไปข้างหน้าและนี่คือสิ่งที่ประเทศไทยกำลังมุ่งมั่นทำให้เกิดขึ้น

รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power แห่งชาติ และได้กำหนด 13 อุตสาหกรรมหลัก ที่จะเป็นกลไกขับเคลื่อน ได้แก่ การท่องเที่ยว อาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น เทศกาล กีฬา ดนตรี ศิลปะ การออกแบบ เกม หนังสือ สุขภาพ และศิลปะการแสดง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเหล่านี้ ไม่สามารถเติบโตได้หากปราศจากบุคลากรที่มีศักยภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า Soft Power คือเรื่องของ “คน” เราต้องสร้างโอกาสให้กับประชาชน ให้มีเครื่องมือ ทักษะ และความรู้ ในการเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจนี่จึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลได้เปิดตัวโครงการ One Family One Soft Power (OFOS) ซึ่งเป็นโครงการระดับชาติที่มุ่งพัฒนาทักษะใหม่ให้กับประชาชนกว่า 20 ล้านคนภายในปี 2570 โดยมีหลักสูตรฝึกอบรมฟรีกว่า 100 หลักสูตร ครอบคลุมทั้งด้านการโรงแรม อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สื่อดิจิทัล การออกแบบ สุขภาพ และอื่น ๆ เราเชื่อว่าการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์จะช่วยให้รากฐานของการพัฒนายั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก


ประเทศไทยได้รับการขนานนามว่าเป็น “ครัวของโลก” อาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก ไม่เพียงแค่รสชาติที่อร่อย แต่ยังดีต่อสุขภาพ และเต็มไปด้วยมิติทางวัฒนธรรม แต่เราต้องก้าวไปให้ไกลกว่าการเป็นเพียงประเทศผู้ส่งออกอาหาร เราต้องยกระดับอาหารไทย ให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่สะท้อนถึงศาสตร์แห่งโภชนาการ ความยั่งยืน และสุขภาพ

อาหารไทยไม่ได้แค่อร่อย แต่ยังดีต่อสุขภาพอาหารไทยไม่ใช่แค่มื้ออาหาร แต่มันคือประสบการณ์ทางวัฒนธรรม ด้วยเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ก้าวหน้า ห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนด้วย AI และความโปร่งใสจากบล็อกเชน เราจะทำให้โลกจดจำอาหารไทยในฐานะนวัตกรรมที่มีคุณภาพ

ขณะเดียวกันประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งสุขภาพระดับโลก เราเป็นผู้นำด้านการแพทย์และสุขภาพแบบองค์รวม ทั้ง นวดแผนไทย การแพทย์สมัยใหม่ และนวัตกรรมทางการแพทย์ ในราคาที่เข้าถึงได้ เรามุ่งหวังให้ ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของสุขภาพ ไม่ใช่แค่สถานที่รักษาโรค แต่เป็นศูนย์กลางของการมีสุขภาพดี

นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า โลกคือเวทีของเรา และประเทศไทยพร้อมที่จะแสดงศักยภาพของตน อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ศิลปะการแสดง และดนตรีของไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอุตสาหกรรมเกมของไทยกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดโลก อย่างไรก็ตามการมีแต่ความคิดสร้างสรรค์เพียงอย่างเดียวไม่พอ เราต้องรู้จัก การตลาด การประชาสัมพันธ์ และการนำสิ่งเหล่านี้ไปสู่ระดับโลก นี่คือเหตุผลที่ THACCA จึงมีบทบาทสำคัญ

THACCA เป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาครัฐ เอกชน และนักลงทุนทั่วโลก เพื่อให้ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยเติบโตไปอย่างมั่นคง Soft Power ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง แต่มันต้องการ ความร่วมมือ จากทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาลต่อรัฐบาล ธุรกิจต่อธุรกิจ รวมไปถึงนักสร้างสรรค์ และนักลงทุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขอบอกกล่าวไปยังพันธมิตรต่างประเทศว่า ประเทศไทยพร้อมเปิดรับโอกาสทางธุรกิจ โดยมาร่วมกันกำหนดอนาคตของ Soft Power มาลงทุนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ประเทศไทยไม่ได้เสนอผลตอบแทนระยะสั้น แต่เรานำเสนออนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนไปด้วยกัน Soft Power ของไทย ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่เรามี แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถเป็นได้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทั้งวัฒนธรรม ที่อยู่เคียงคู่การเปลี่ยนแปลง ความสร้างสรรค์ และโอกาสทางเศรษฐกิจซึ่งเวลานั้นมาถึงแล้ว ขอให้เราได้ทำงานร่วมกัน สร้างสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน และเติบโตไปด้วยกัน เพื่อให้ประเทศไทยได้มีที่ยืนในฐานะเป็นผู้นำของโลกด้าน Soft Power และเศรษฐกิจสร้างสรรค์

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอบคุณ Lawrence ที่ให้การสนับสนุน THACCA ในการจัดงาน Global Soft Power Talk เราได้ฟังเคล็ดลับจากวิทยากร ได้เรียนรู้แนวคิดใหม่ๆ ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับเราทุกคนในที่นี้ และผู้ที่รับชมอยู่บนออนไลน์ และขอบคุณ THACCA ที่ร่วมกันจัดงานนี้.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]