ชาวอเมริกันออกไปเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

วอชิงตัน 6 พ.ย. – ชาวอเมริกันออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อตัดสินว่าใครจะได้เป็นผู้นำประเทศคนต่อไป ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ กับนางคอมมาลา แฮร์ริส


อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ออกไปใช้สิทธิ์หย่อนบัตรเลือกตั้งเมื่อช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาในสหรัฐที่หน่วยเลือกตั้งในเมืองปาล์ม บีช รัฐฟลอริดา ร่วมกับชาวอเมริกันหลายล้านคน ซึ่งทยอยออกไปยังคูหาเลือกตั้ง เพื่อเลือกระหว่างสองผู้สมัครที่มีวิสัยทัศน์แตกต่างกันอย่างมาก โดยนายทรัมป์แสดงความมั่นใจว่ารณรงค์หาเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม และเรียกร้องให้ชาวรีพับลิกันออกไปใช้สิทธิ์ นายทรัมป์บอกด้วยว่า เขาเป็นคนแรกที่ยอมรับ หากเขาแพ้การเลือกตั้งอย่างยุติธรรม หลังจากช่วงหาเสียงที่ผ่านมานายทรัมป์ระบุมาโดยตลอดว่า ความพ่ายแพ้ใดๆ ของเขา อาจเกิดจากการฉ้อโกงเท่านั้น

ด้านรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ผู้าสมัครจากพรรคเดโมแครต อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี หลังจากใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าทางไปรษณีย์มาก่อนหน้านี้แล้ว เธอใช้เวลาตลอดวานนี้พูดคุยทางโทรศัพท์กับสถานีวิทยุหลายแห่งในรัฐสมรภูมิ หรือ สวิง สเตท เรียกร้องให้ชาวอเมริกันออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง


เหตุการณ์ที่พลิกผันจากหลายเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่น การพยายามลอบสังหารทรัมป์ 2 ครั้ง การถอนตัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แบบกะทันหัน และการก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วของนางแฮร์ริส ทำให้การแข่งขันระหว่างสองฝ่ายยังคงสูสีเกินกว่าจะคาดเดาได้

นางแฮร์ริส วัย 60 ปี จะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงผิวดำและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกหากคว้าชัยในการเลือกตั้ง ขณะที่นายทรัมป์ วัย 78 ปี ประธานาธิบดีคนเดียวที่ถูกฟ้องถอดถอนออกจากตำแหน่งถึง 2 ครั้ง และเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา จะกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกเช่นกันที่ชนะการเลือกตั้งไม่ติดต่อกันในรอบมากกว่า 100 ปี หลังจากที่เขาไม่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

ในส่วนของบรรยากาศเลือกตั้งตามพื้นที่ต่างๆ มีผู้คนออกไปใช้สิทธิลงคะแนนกันอย่างคึกคัก เข้าคิวเพื่อรอเข้าไปใช้สิทธิเป็นแถวยาวตามหน่วยเลือกตั้งในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ ขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 82 ล้าน ออกใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งผ่านทางไปรษณีย์หรือกาบัตรด้วยตัวเอง ท่ามกลางการคาดคะเนว่าผลคะแนนที่ออกมาจะคู่คี่สูสีอย่างมาก โดยเฉพาะใน 7 รัฐสมรภูมิ หรือ สวิง สเตท ซึ่งมีแนวโน้มจะตัดสินผู้ชนะ ได้แก่ แอริโซนา (มีคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง 11 คะแนน), จอร์เจีย (16 คะแนน), มิชิแกน (15 คะแนน), เนวาดา (6 คะแนน), นอร์ทแคโรไลนา (16 คะแนน), เพนซิลเวเนีย (19 คะแนน) และวิสคอนซิน (10 คะแนน) โดยในจำนวนนี้ รัฐจอร์เจียจะปิดคูหาเลือกตั้งก่อนเพื่อนตอน 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 07.00 น. เช้าวันนี้ตามเวลาบ้านเรา ส่วนรัฐเนวาดาปิดคูหาช้าสุด ตอน 22.00 น. หรือเกือบ 10 โมงเช้าบ้านเรา


สำหรับขั้นตอนการนับคะแนน ทันทีที่ปิดคูหาเลือกตั้ง ซึ่งเวลาจะแตกต่างไปในแต่ะรัฐ เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งจะเริ่มนับบัตรลงคะแนนของผู้ที่มาใช้สิทธิเมื่อวานนี้ก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจะเริ่มนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งแบบลงคะแนนทางไปรษณีย์ หรือ Mail-in ที่แต่ละรัฐก็จะมีกฎในการนับบัตรลงคะแนนประเภทนี้ที่ต่างกันออกไปอีก อาทิ บางรัฐกำหนดให้ต้องนับคะแนนบัตร Mail-in ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น ขณะที่บางรัฐกำหนดให้ต้องนับบัตรเลือกตั้งเฉพาะที่ประทับตราวันที่และส่งมาทันในเวลาก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น ทำให้กระบวนการนับคะแนนบัตรประเภทนี้ใช้เวลาพอสมควร

อีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้ทราบผลการเลือกตั้งช้า คือเรื่องเวลาในสหรัฐฯ ที่แตกต่างกันถึง 6 ไทม์โซน ประกอบด้วย Pacific Time / Mountain Time / Central Time และ Eastern Time ไล่ตามลำดับเวลาก่อน-หลัง รวมไปถึงไทม์โซนของแอลาสกา และฮาวาย โดยเมื่อคูหาปิดลงคะแนน สื่อท้องถิ่นจะเริ่มรายงานผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ ไล่มาจากเขตเวลาตะวันออก หรือ Eastern Time ก่อน ซึ่ง 5 รัฐจาก 7 รัฐสมรภูมิ หรือสวิง สเตท อยู่ในพื้นที่นี้ ที่จะปิดคูหาก่อน และน่าจะทราบผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการช่วงหลังเที่ยงวันนี้ตามเวลาไทย อย่างไรก็ตาม การประกาศผลเลือกตั้งของสหรัฐที่ค่อนข้างแน่นอน อาจต้องรอหลายวันหลังการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้ตัดสินด้วยผลการลงคะแนนรายบุคคลทั่วประเทศ (national popular vote) เหมือนกับประเทศอื่น แต่จะแพ้ชนะด้วยจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ของทั้ง 50 รัฐ ซึ่งแต่ละรัฐมีจำนวนไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรในรัฐนั้น ๆ ในจำนวนทั้ง 50 รัฐ มี 48 รัฐที่ผู้ชนะเลือกตั้งในรัฐนั้นจะได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด (winner-take-all) มีเพียง 2 รัฐ คือ เนบราสกา และเมน ที่จะจัดสรรจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปตามคะแนนเสียงของแต่ละเขตเลือกตั้งภายในรัฐดังกล่าว ผู้สมัครที่ได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 คน จาก 538 คน จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งและเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา

ขณะเดียวกัน นอกจากการหย่อนบัตรเลือกประธานาธิบดีแล้ว เมื่อวานนี้ ชาวอเมริกันยังได้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในส่วนอื่นๆ ด้วย ทั้งการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส. ชุดใหม่ทั้งหมด 435 คน ซึ่งเป็นการเลือกทุกๆ 2 ปี ที่ทุกวันนี้พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่ การลงคะแนนเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. 34 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่ง หรือราว 1 ใน 3 ซึ่งขณะนี้ พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาสูง นอกจากนี้ ยังมีการลงคะแนนยิบย่อยอื่นๆ ทั้งการลงประชามติเรื่องสิทธิการทำแท้งใน 10 รัฐ และเรื่องการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการใน 4 รัฐ.-815.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

ล่า “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงินกว่า 3 ล้าน

กทม. 1 ก.ค. – ตำรวจยังคงไล่ล่าแก๊งปล้นเงินกลางห้างดังย่านลาดพร้าว ได้เงินไปกว่า 3.4 ล้านบาท ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับแล้ว พบเป็นคนดังโซเชียลสายคุก ฉายา “เสือปุ่น” มีประวัติคดีโชกโชน .-สำนักข่าวไทย

“เจนี่” ถือฤกษ์ดี ปลงผมบวชสามเณรี ญาติมิตรร่วมอนุโมทนา

สระบุรี 1 ก.ค. – “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” วัย 44 ปี ถือฤกษ์งามยามดี เช้าวันนี้ (1 ก.ค.68) ปลงผมบวชสามเณรี ในโครงการบรรพชาสามเณรี รุ่นที่ 3 บริเวณปะรำพิธี ณ ศรีวรญาลัย จ.สระบุรี โดยมีครอบครัว ญาติสนิท ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ และเพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการ ร่วมอนุโมทนา. – สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. ยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติ

ทำเนียบ 1 ก.ค.-นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้แจงเต็มที่ ยืนยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติและรักษาอธิปไตย ไม่มีเจตนาอยากได้อะไรเป็นของตัวเอง พร้อมขอโทษ หากวิธีการไม่ถูกใจใครหลายคน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัย กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุนเซ็น และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ด้วยมติ 7:2 ว่า ขอน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลต่อจากนี้ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งระยะเวลานั้นไม่แน่ใจ แต่มีเวลาประมาณ 15 วันที่จะชี้แจง ตนจะทำให้เต็มที่ในการที่จะบอกความตั้งใจที่แท้จริงว่าคลิปเสียงที่หลุดออกมาว่า ความตั้งใจและเจตนาจริงๆ เกิน 100% ว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้เพื่ออธิปไตยของเรา เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ตนเองทำ อาจจะมีทั้งถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แต่ก็จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน 100% ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่มีอยากได้อะไรของตัวเองเลย และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและ ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ และตนก็คงรับไม่ได้หากพูดอะไรกับทางผู้นำและทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะหรือโกรธเคือง อันนั้นเป็นความตั้งใจจริงๆ ถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะรู้ว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพราะฉะนั้นนี่คือ […]