มาเลเซีย 11 ต.ค. – นายกฯ อัปเดตสถานการณ์ช่วยคนไทยในอิสราเอล ล่าสุดประสานสายการบินเอกชนได้อีก 4 ลำ หลังตัวเลขต้องการกลับไทยพุ่งสูงกว่า 5,000 คน กังวลสถานการณ์เลวร้ายลง รับปัญหาลำเลียงคนมายังสถานทูตยากลำบาก ผบ.ทสส.ประสานกองทัพอิสราเอลนำรถทหารช่วย หวังรัฐบาลอิสราเอลเห็นใจไทยสูญเสียมากประเทศหนึ่ง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศมาเลเซีย ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ว่า ล่าสุดเวลา 3 ทุ่ม ตามเวลาท้องถิ่น ได้รับรายงานจากนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ น.ส.พรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หลังคนไทยในอิสราเอลและพื้นที่ใกล้เคียงประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยกว่า 5,000 คน ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แย่ลง และเลวร้ายลงไป มีจรวดยิงกันตลอดเวลา
ทั้งนี้ เครื่องบินของไทยที่จะออกในวันนี้ (12 ต.ค.66) รับคนไทย 15 คน ก็ยังไม่พร้อม เนื่องจากอีก 11 คน กำลังเดินทางเข้ามาที่สถานทูต ซึ่งขณะนี้มีแค่ 4 คน และได้รับบาดเจ็บอยู่ในสถานทูต ปลอดภัยแล้ว
การจราจรในประเทศอิสราเอล ถนนก็ปิดหลายสาย ดังนั้น ทางเดียวที่สามารถเดินทางได้ต้องอาศัยรถทหาร โดย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ได้ประสานกองทัพอิสราเอล เพื่อขอให้ช่วยใช้รถลำเลียงคนของเราเข้ามายังสถานทูต แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ ขณะนี้สถานการณ์เลวร้ายลงไป ดังนั้น เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะอพยพคน 5,000 คน ให้ได้ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีปัญหาอยู่ 2-3 ปัญหาใหญ่ คือ ต้องมีเครื่องบินเพียงพอ โดยเราได้ประสาน แอร์เอเชีย ที่จะสามารถให้บินได้ 2 ลำ หรือมากกว่า และ นกแอร์ ก็จะมีอย่างน้อย 2 ลำ ส่วนการบินไทยอยู่ระหว่างการพิจารณา ตอนนี้เราพยายามนำเครื่องบินมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อบินเข้ามาและรับออกจากอิสราเอลไปจอดยังประเทศข้างเคียง และกลับไปรับใหม่ เพื่อทำให้คนไทยออกจากประเทศอิสราเอลให้เร็วที่สุด ซึ่งวันนี้ก็สามารถออกได้เลย แต่ทั้งนี้ต้องให้มั่นใจว่าเมื่อไปถึงแล้ว คนไทยพร้อมที่จะออกมา เพราะการเดินทางในอิสราเอลนั้น สามารถใช้ได้เฉพาะรถทหารเท่านั้น
ส่วนเครื่องบินของรัฐนั้นมีอยู่ 5 ลำ ดังนั้น เตรียมไว้ 9 ลำ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจจะมีมากกว่านั้น เพราะขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยังเจรจาอยู่ และยืนยันว่า เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นเป็นเรื่องเล็ก เท่าไหร่ก็จ่าย เท่าไหร่ก็ต้องออกไปให้ได้ เพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน สำคัญที่สุด
แต่ทั้งนี้ ปัญหาที่ตามมาคือ ไม่แน่ใจว่าน่านฟ้าจะเปิดนานเท่าไหร่ และอีกปัญหาคือ การลำเลียงคนเข้ามายังสนามบินได้มากเท่าไหร่ เพราะหากนำเครื่องบินมาจอดทิ้งไว้ และไม่สามารถลำเลียงคนมาได้ก็จะเปล่าประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม หากเราไม่ได้เตรียมพร้อม และไม่เตรียมเครื่องบินไว้ก็จะเสียโอกาสไป เพราะก็มีโอกาสที่น่านฟ้าจะปิดในเร็ววันนี้ ดังนั้น การปฏิบัติการเราต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะต้องเตรียมพร้อมและอาจจะต้องบินเข้าไปก่อน และเข้าไปเสี่ยงว่าจะสามารถนำคนไทยออกมาได้หรือไม่
นายเศรษฐา ย้ำว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในอิสราเอลสูงที่สุด ซึ่งไม่ได้นิ่งนอนใจ และประสานงานอยู่ตลอดต่อเนื่องทุกภาคส่วน และเช้าวันนี้ (12 ต.ค.66) น่าจะมีการอัปเดตสถานการณ์อีกครั้ง ขอให้ติดตามฟังข่าวต่อไป
ส่วนเครื่องบินพาณิชย์ ยอมรับว่ามีค่าใช้จ่าย แต่เขาระบุว่า จะคิดแค่ค่าน้ำมัน แต่ย้ำว่าค่าใช้จ่ายนั้นถือเป็นเรื่องรอง ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย และนี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด มีความเสี่ยง ขณะนี้ทุกคนยังปลอดภัยอยู่ แต่จะทำอย่างไรให้ทั้ง 5,000 คน มาอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนที่จะอพยพกลับเมืองไทย แต่หากอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว เครื่องบินไม่มารับ ก็จะมีปัญหาอีก หรือหากเครื่องบินมาแล้วไม่สามารถขึ้นลงได้ก็มีปัญหาอีก ทั้งนี้ รัฐบาลมีความพร้อมที่จะนำเครื่องบินมาให้ได้เยอะที่สุด
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า แนวโน้มคนไทยที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์เลวร้ายลงไป
“หากน่านฟ้าเปิดตลอด และสถานการณ์ลดความรุนแรงลง ก็ยังมีความหวัง แต่ถ้าเราเสี่ยงไม่ได้ ตรงนี้อาจจะต้องเตรียมเครื่องบินให้เยอะกว่านั้น จะได้อพยพคนไทยกลับมาปลอดภัยได้เร็วที่สุด”
ส่วนสื่อของอิสราเอล รายงานว่า พบคนไทย จำนวน 14 คน ในเขตพื้นที่กาซา ได้รับรายงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แต่หวังว่าจะเป็นเรื่องจริง และหวังว่าทุกคนจะปลอดภัย เพราะก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ที่นั่น เมื่อเกิดเหตุระเบิดลง ต่างคนต่างตัวเปล่า เหตุการณ์ชุลมุน เอกสารและพาสปอร์ตก็ไม่มี แต่เรื่องเอกสารเป็นเรื่องทีหลังมากกว่า โดยกระทรวงต่างประเทศก็สมทบเจ้าหน้าที่พื้นที่ใกล้เคียง เป็นอาสาสมัครไปช่วยดำเนินการเรื่องเอกสาร ทำให้ประชาชนออกมาโดยเร็วที่สุด ตนได้สั่งการไปว่า เรื่องของเอกสารขอให้เป็นเรื่องรอง ความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า ตอนนี้พบคนไทยเสียชีวิต 20 ราย และหวังว่าจะเป็นตัวเลขที่จบแล้ว แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ เพราะการต่อสู้ก็ยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราจึงพยายามอพยพคนไทยให้ได้เร็วที่สุด เท่าที่สามารถทำได้ทุกวิถีทาง ขอขอบคุณภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการช่วยนำคนไทยออกมา
เท่าที่ดูจากตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้น ต้องยอมรับว่าไทยเป็นประเทศที่มีการสูญเสียสูงที่สุดประเทศหนึ่ง ก็หวังว่ารัฐบาลอิสราเอลคงจะเห็นใจ และจะช่วยอำนวยความสะดวกนำรถทหารมาส่งประชาชนคนไทยกลับบ้านโดยเร็วที่สุด. – สำนักข่าวไทย