DSI รับเรื่อง “ฮั้วเลือก สว.” เป็นคดีพิเศษ

ฮั้วเลือก สว.

6 มี.ค. – คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับการฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 (1) คือเข้าข่ายการฟอกเงิน ด้วยมติเห็นชอบ 11 เสียง


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ร่วมประชุมพิจารณาคดีเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งเป็นการนัดประชุมครั้งที่ 2 ภายหลังส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ เป็นพิจารณาให้ได้ข้อยุติก่อนเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษในวันนี้

โดยในช่วงการเปิดประชุม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ ได้รายงานว่า วันนี้มีผู้เข้าร่วมประชุม 19 คน ลาประชุม 3 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน คือ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน


ขณะที่คณะกรรมการโดยตำแหน่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ผู้แทนโดยตำแหน่ง ได้ส่งผู้แทน คือ พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บัญชาการกฎหมายและคดี ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เข้าร่วมการประชุม แต่ถือว่าครบองค์ประชุมแล้ว จึงสามารถดำเนินการประชุมต่อไปได้ตามระเบียบวาระ

ทั้งนี้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะคณะกรรมการโดยตำแหน่ง ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชุม ซึ่งต่างจากครั้งก่อนที่เดินทางมาร่วมประชุมด้วยตัวเอง ซึ่งผู้สื่อรายงานว่า จากการประชุมครั้งก่อน (25 ก.พ.68) ก็มีองค์ประชุมเท่ากับวันนี้ โดยคนที่ลาประชุมครั้งก่อน คือนายตำรวจทั้ง 3 คน ที่ลาประชุมในวันนี้เช่นกัน

นอกจากนี้นอกจากนี้ ยังมีกลุ่ม คณะ สว. สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางมาที่กระทรวงยุติธรรมพร้อมป้ายไวนิล เพื่อส่งกำลังใจให้การประชุมโหวตรับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ทั้งยังรอลุ้นฟังผลการรับเป็นคดีพิเศษอีกด้วย


ภายหลังการประชุม นายภูมิธรรม เวชยชัย แถลงข่าวร่วมกับ นายทวี สอดส่อง ระบุว่า คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับการเลือก สว. เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 (1) คือเข้าข่ายการฟอกเงินด้วยมติเห็นชอบ 11 เสียง งดออกเสียง 3 ไม่เห็นชอบ 4 โดยยืนยันว่าไม่ใช่การแย่งงาน กกต. ทำเพราะต้องยอมรับความจริงว่ามีประชาชนมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอและหากไม่ดำเนินการก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ทั้งนี้ยอมรับหนักใจกับการดำเนินการเรื่องดังกล่าวจึงย้ำในคณะกรรมการว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ กล่าวภายหลังประชุมพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ หรือไม่ ว่า วันนี้พิจารณาคดีคณะกรรมการคดีพิเศษ ได้พิจารณาคดีตกค้าง เป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยในที่ประชุมมีการถกเถียงกันในหลายความเห็นโดยพิจารณาตามหลักการของกฎหมายอย่างครบถ้วน ซึ่งคดีนี้ เป็นคดีที่เกี่ยวพันกับสถาบันนิติบัญญัติ ที่สำคัญของประเทศ และเป็นคดีที่พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญสนใจติดตาม

โดยเราได้พูดคุยกันและได้ข้อสรุปดังนี้ คือ การประชุมวันนี้บอร์ด กคพ.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงกรณีที่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวหาทางดีเอสไอ มีการกระทำความผิด การกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายตามคดีพิเศษหรือไม่ ดังนั้น วันนี้ที่ประชุม กคพ.ไม่ได้มีการประชุมในวาระ ได้มาซึ่งสว.แต่อย่างใด ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าการกระทำความผิดที่มีผู้มาร้องทุกข์มีลักษณะการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ที่มีลักษณะเป็นคดีพิเศษตามกฏหมายซึ่งสอดคล้องกับการได้มาซึ่ง สว. ในการใช้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจว่าให้เลือกหรือไม่เลือกเป็นความผิดฐานฟอกเงินด้วย

นายภูมิธรรม ระบุว่า บอร์ด กคพ. ขอย้ำว่าการพิจารณาเป็นคดีพิเศษในครั้งนี้ ผ่านความเห็นชอบของผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากหลากหลายที่ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจ แทนคนใดคนหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้ตามกฎหมายทั้งหมด และบอร์ด กคพ.ขอย้ำว่าการพิจารณาในวันนี้ไม่ใช่การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กกต. กกต. ก็ทำงานของตนเองในการดูแลการจัดการการเลือกตั้ง เราก็มีหน้าที่ดูแลการดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลที่กระทำความผิดตามกฏหมาย ในคดีพิเศษเท่านั้น ดังนั้นเป็นการประสานงานการทำงานความร่วมมือกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของตนเองที่แตกต่างกันมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ประชาชน เราจะละเลยไม่ได้ เพราะจะเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และส่งผลเสียต่อประชาชน

รวมถึง ดีเอสไอ รับเรื่องนี้ ไม่ได้หมายความว่าถูกกล่าวหาเป็นผู้กระทำความผิดทางกฎหมายแล้วแต่ต้องมีกระบวนการทางกฎหมายอีกมากมายในการที่จะบอกว่าเป็นจริง ดังนั้น ก็เปลี่ยนไปตามกระบวนการทางกฎหมายทั้งหมดเพื่อประโยชน์ของผู้ถูกกล่าวหาด้วย

นายภูมิธรรม ระบุว่า โดยสรุปแล้วในที่ประชุมองค์ประชุมทั้งหมด 18 คน มีมติชี้ขาดกรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคล หรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งวุฒิสมาชิก พ.ศ.2567 ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอมา ตามมาตรา 21 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ส่วนคดีคดีอาญาใดที่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษดังกล่าว ตามมาตรา 21 วรรค 2 เพื่อทำการสอบสวนต่อไป

ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พบการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 47 วรรค 1 ให้แจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบตามอำนาจหน้าที่ โดยไม่ต้องมีมติดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมี 18 เสียง มีมติรับเป็นคดีพิเศษ 11 เสียง และไม่รับ 4 งดออกเสียง 3 เสียง เพราะบางท่านมรบทเกี่ยวข้องด้วยการชี้ขาดหลายเรื่องในคดีถัดไป

ส่วนมีความหนักใจหรือไม่ เมื่อถูกนำไปโยงกับประเด็นทางการเมือง นายภูมิธรรม ระบุว่าตนเองคิดว่าคณะกรรมการทุกท่านมีความหนักใจ เพราะเป็นประด็นเกี่ยวกับสถาบันนิติบัญญัติ และสาธารณะชนกำลังจับตามอง จึงได้กำชับว่าการพิจารณาให้ใช้ดุลยพินิจอย่างละเอียดรอบคอบ โดยอิงข้อมูลจากกฎหมายและข้อมูลต่าง ๆ และตัดสินให้ดีที่สุด การพิจารณาในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของบุคคลหรือเรื่องการเมืองเราพิจารณาตามข้อกฎหมาย เพราะหลายคนกังวลใจว่าหากพิจารณาแล้วจะมีผลกับตัวเอง เชื่อว่าเราทำสิ่งที่รอบคอบแล้ว คุยกันทุกฝ่ายแล้ว ซึ่งเราตัดสินใจแล้วก็ต้องรับผิดชอบ และเป็นกระบวนการที่รับมา เพื่อตรวจสอบและท้ายที่สุดก็จะไปจบที่ศาล ซึ่งเป็นผู้ชี้ขาด

ขณะที่กังวลหรือไม่ที่มีรายชื่อพยานในคดีนี้ กว่า 1,200 คนหลุดออกไป นายภูมิธรรม ระบุว่า หลุดไปก็เป็นเรื่องหลุด ไม่ใช่เรื่องข้อเท็จจริง เมื่อไม่ใช่เรื่องข้อเท็จจริง เมื่อหลุดแล้วก็ให้หลุดไป และไม่กังวลกับผลโหวตในครั้งนี้ เพราะเมื่อโหวตไปแล้วก็ให้ที่ประชุมรับรอง

ทั้งนี้ หลังจากนี้จะตัองร่วมมือกับ กกต.ในการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า อย่าไปคิดว่าเราแตกแยก เรายังทำงานร่วมกันได้ คดีนี้ต่างฝ่ายต่างดำเนินการ อะไรที่เกี่ยวพันกันก็ประสานงานกัน

ด้านพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวถึงขั้นตอน หลังจากนี้ว่า การประชุมในวันนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 21 วรรค 1 ซึ่งตามปกติแล้ว อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สามารถชี้ขาดได้เลย แต่เนื่องจากมีข้อมูลบางประการที่มีข้อสงสัย ที่ต้องให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของผู้เข้าประชุม ซึ่งเสียงของคณะกรรมการส่วนใหญ่ได้ชี้ขาดแล้วว่าเป็นคดีพิเศษ ซึ่งไม่ต้องใช้ตามมาตรา 21 วรรค 2 โดยขั้นตอนต่อจากนี้ไป จะเป็นเหมือนหลักค้ำประกันให้กับอธิบดี ดีเอสไอ คือการรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ และขอให้พนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความยุติธรรม รวมถึงให้การปฏิบัติงานมีความโปร่งใส ส่วนขั้นตอนต่อไป เป็นเรื่องที่ดีเอสไอ จะจัดตั้งพนักงานสอบสวน เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน

เมื่อถามว่าคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ในชั้นสอบสวน หากมีการเรียกกกตมา จำเป็นจะต้องเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่ พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ในส่วนที่เป็นของ กกต. ที่ผ่านมากกต.ก็ได้มีการประสานงาน กับ ดีเอสไอ ได้มีการทำหนังสือมา ซึ่งหนังสือฉบับนั้นยังไม่ได้มีการยกเลิก และในการทำงาน เนื่องจากกฎหมายมีการทับซ้อนกัน ก็อาจประสานงานกัน

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าต่อจากนี้กกต.จะต้องมาให้ข้อมูลเองโดยไม่สามารถส่งหนังสือมาชี้แจงได้แล้วใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะข้อหาที่เป็นฐานฟอกเงิน เกิดมาจากฐานอั้งยี่ และมีการอภิปรายในฐานความผิดอาญาอื่น ก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะ กรรมการสอบสวน ซึ่งที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการได้มีความเห็น และเมื่อเห็นว่าความจริงเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติแล้ว ในความผิดฐานฟอกเงิน แต่ยังมีความสงสัยในเรื่องรายละเอียด ว่ามูลค่าของทรัพย์สิน เกินกว่า 300 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่งดีเอสไอ จะต้องไปดูเส้นทางการเงินและเส้นทางบุคคล ว่ามีตัวเลขเกิน 300 ล้านบาทหรือไม่ จึงต้องให้คณะกรรมการพิเศษเป็นผู้ชี้ขาด ซึ่งคำชี้ขาดนี้ถือเป็นที่ยุติ และการเป็นคดีพิเศษไม่ใช่หมายความว่า จะทำคดีต่างจากที่อื่นแต่จะมีผู้เชี่ยวชาญในการสอบสวน และที่สำคัญคือการทำตามพยานหลักฐาน ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนที่ บางฝ่ายมีความเห็นว่าคดีนี้เป็นหน้าที่ของกกต. แต่การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีมา ต้องการดึงเป็นเรื่องทางการเมือง พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ตอนนี้กกต.ก็ทำอยู่ในบทบาทของเขา เพราะหนังสือตอบรับของกกต ก็ได้ตอบอย่างชัดเจนแล้ว ว่าความผิดในคดีอาญาอื่นๆกกต.ไม่มีอำนาจ

เมื่อถามถึงกรณีที่ สว. ออกมาแสดงความเห็นว่า การเลือกตั้ง สว.มาโดยวิธีสุจริตชอบธรรม ไม่มีความผิดตามที่กล่าวหาดีเอสไอต้องทำเรื่องนี้โดยละเอียดหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการตั้งข้อสงสัยในสภา พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า สว.มีกระบวนการตรวจสอบได้อยู่แล้วเราก็เคารพท่าน แต่วันนี้คณะกรรมการ ไม่ได้มีฐานทางการเมืองเลย ซึ่งประธานในที่ประชุมก็ได้พูดว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องสำคัญ กระทบกับความมั่นคง ถ้ามีการครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ ก็จะส่งผลกระทบต่อหลายๆเรื่อง ซึ่งเราก็ทำในความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนจะขยายไปเป็นคดีอั้งยี่หรือคดีอื่นๆก็คงจะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้ง เรายินดีหากสวจะมาให้การหรือแสดงความบริสุทธิ์ เราก็พร้อมที่จะรับ

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่มองว่าเป็นตำบลกระสุนตก พันตำรวจเอกทวีกาวาเรื่องนี้ต้องให้นายภูมิธรรมเป็นผู้ตอบ

โดยภายหลังที่นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี ได้แถลงข่าวเสร็จ ได้เดินไปพบกับกลุ่ม สว.สำรองที่นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่มาปักหลักริฟังผลการพิจารณาที่ชั้นล่างของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้มอบดอกไม้ให้กำลังใจให้กับนายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี

นายภูมิธรรม จึงกล่าวขอบคุณที่มาให้กำลังใจ พร้อมย้ำว่า การทำงานครั้งนี้ด้วยความยากลำบาก และมีผลกระทบต่อหลายส่วน ซึ่งต้องคำนึงถึงหลักข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ และกฎหมายได้ถูกพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และยืนยันว่า การพิจารณาในครั้งนี้ไม่ได้อิงอะไร นอกจากความเป็นจริง และกฎหมาย หลังจากนี้เราต้องทำหน้าที่ไต่สวนทำความจริงให้ปรากฏ ส่วนคนที่จะชี้ขาดคือศาล ตนในฐานะที่เป็นประธาน กคพ. รับฟังทุกอย่างเต็มที่ และให้ทุกคนพิจารณาด้วยดุลยพินิจอย่างรอบคอบ ก่อนลงมติ และรับรองโดยที่ประชุม.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย

บุกจับแอดมินแอปฯ ดัง นำเด็กไลฟ์แสวงหาประโยชน์

ร้อยเอ็ด 10 ก.ค.- มท.1 ลุยต่อ สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำหมายศาลบุกจับแอดมินกลุ่มแอปฯ ดัง นำเด็กมาเปลือยไลฟ์ออนไลน์แสวงหาประโยชน์ พร้อมช่วย 2 เด็กสาวเหยื่อค้ามนุษย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ กรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “Discord disconnected” จับกุมหนุ่มนำเด็กสาวมาเปลือยไลฟ์สดออนไลน์หารายได้ โดยนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง ร่วมกับนายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พล.ต.ต.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด นายพุทธภูมิ นาชัยเริ่ม นายอำเภอธวัชบุรี สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง พ.ต.อ. ภาสกร หินเธาว์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี นำทีมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองร่วมเข้าแสดงหมายค้นหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด จับกุมหนุ่ม นำเด็กมาเปลือยไลฟ์สดออนไลน์หารายได้ พร้อมตรวจค้นบ้านเพื่อหาพยานหลักฐานในพื้นที่อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด สืบเนื่องจากกรมการปกครอง […]

กรมอุตุฯ เตือน 6 จังหวัดรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 10 ก.ค.- กรมอุตุฯ เตือน 6 จังหวัด บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร จันทบุรี และตราด รับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทย โดยเฉพาะในบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 11-13 ก.ค. ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน […]