“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ส่งกลับอุยกูร์

รัฐสภา 6 มี.ค.-“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ เผยมติ สมช. เคาะส่งกลับอุยกูร์ ตั้งแต่ 17 ม.ค.68 แล้วมาแจง กลางกมธ.การกฎหมายทีหลัง ยืนยันไม่มีการส่งตัว บอก มีประเทศที่ 3 อ้าแขนรับ แต่ไทยไม่ปฏิบัติการเชิงรุก ด้าน “ช่อ พรรณิการ์” ผิดหวัง “ทูตรัศม์” แจงประเทศอื่นไม่แน่วแน่ ปล่อยเจรจาคนเดียว ลั่นการทูต ไม่ใช้วิธีเอเยนต์ ไทยมีศักดิ์ศรีพอเจรจาเองได้


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรแถลงภายหลังการประชุม ว่าที่ประชุมได้ข้อมูล โดยเรื่องแรก สมช. ได้มีการประชุมและมีหนังสือจากทางการจีน เพื่อขอตัวชาวอุยกูร์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 มกราคม จากนั้น สมช. ได้มีการประชุมและลงมติเมื่อวันที่ 17 มกราคม แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย ที่ได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการส่งตัวชาวอุยกูร์กับจีน ซึ่งหากไปดูตามไทม์ไลน์ การประชุมกรรมาธิการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังที่ประชุม สมช. มีมติไปแล้ว ซึ่งทำให้สงสัยว่าข้อมูล สมช. มาชี้แจงกับกรรมาธิการมีข้อมูลอย่างไร ซึ่งข้อมูล สมช. ไปให้กับกรรมาธิการต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากมติ สมช. แล้วทั้งนั้น

ทั้งนี้การประชุมของ สมช. ที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายคน อาทิ นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และยังมีรัฐมนตรีจากกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ซึ่งมองว่าก็เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการอยู่แล้ว


ขณะที่ในที่ประชุมกรรมาธิการได้สอบถาม เรื่องของเหตุผลการส่งตัวไปและไทยได้อะไรจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งข้อมูลที่ได้มายังไม่ชัดเจนว่าประเทศไทยได้ประโยชน์จากอะไร แต่กลายเป็นการพูดถึงเรื่องการคุมขังชาวอุยกูร์ที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาจเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ซ้อมทรมาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ยืนยันว่า การกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่าย ทำให้มีความเห็นแตกต่างกัน เพราะทาง สมช. มองว่าการให้อุยกูร์อยู่ในห้องคุมขังต่อเป็นการละเมิดสิทธิ แต่ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้เห็นเช่นนั้น

จากนั้นในที่ประชุมได้สอบถามเหตุผล ว่าเหตุใดไม่ส่งไปยังประเทศที่สาม ซึ่งเรื่องนี้ได้รับข้อมูลว่า ประเทศที่ 3 ไม่ได้มีความจริงจังที่จะต้องการรับชาวอุยกูร์ไปอยู่ด้วย และเมื่อพูดคุยในรายละเอียดก็ได้ทราบว่าประเทศไทยไม่เคยทำหนังสือไปยังประเทศที่3 เพื่อสอบถามซักครั้ง ไม่เคยทำหน้าที่เชิงรุกในการประสานงาน ซึ่งทางตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ยืนยันว่า ประเทศที่จริงจังที่สุดที่จะรับชาวอุยกูร์กลับไปก็คือประเทศจีน

นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ได้รับวันนี้ค่อนข้างชัดเจนเรื่องของประเทศที่ 3 ที่มีความพร้อมที่จะรับชาวอุยกูร์ทั้งหมดมากกว่า 1 ประเทศ แต่ทางการไทยไม่เคยตอบรับและทำหนังสือเพื่อยกระดับการพูดคุยในเรื่องนี้


ส่วนเรื่องของความปลอดภัย ที่ประชุมกรรมาธิการมีมติจะขอข้อมูลจากกล้องวงจรปิด CCTV อาทิ กล้องจากรถตำรวจ ที่นำอุยกูร์ไปสนามบิน
รวมถึงรายชื่อชาวอุยกูร์ทั้งหมด
พร้อมรูปถ่าย เพื่อมายืนยันว่าชาวอุยกูร์ ได้มีความสมัครใจกลับประเทศจีนจริงหรือไม่ และจะได้ทราบถึงอากัปกิริยาขณะเดินทาง

ด้านนางสาวพรรณิการ์ วานิช กล่าวเพิ่มเติม ว่า ที่ตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลไทยมีความพยายามเพียงพอหรือไม่ในการหา option เพิ่มเติมนอกจากการส่งกลับประเทศจีน และการกักขังแบบไม่มีที่สิ้นสุดในประเทศไทย ซึ่งในวันที่นายภูมิธรรมได้แถลง ในคืนวันที่ได้ปล่อยชาวอุยกูร์กลับประเทศไปแล้ว ใช้คำว่า ไม่มีประเทศใดเลยในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา ที่ติดต่อขอรับตัวชาวอุยกูร์ นอกจากประเทศจีน แต่ ณ วันนี้ปรากฏชัดเจนแล้วว่ามีประเทศที่ 3 พยายามติดต่อ โดยข้าราชการระดับกระทรวงการต่างประเทศ และระดับอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ที่ได้มีการชี้แจงกับกรรมาธิการกฎหมายฯ ว่ามีอย่างน้อย 3 ประเทศที่ติดต่อขอรับตัว แต่ตัวแทนของรัฐบาลมีการพยายามพูดว่า ไม่มีความจริงจัง ไม่มีความแน่วแน่จากประเทศที่3 เพราะไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งหลักการทางการทูต จะเริ่มต้นด้วยการติดต่อทางวาจา หากการติดต่อด้วยวาจาไม่ได้รับการตอบสนอง จะไม่มีการดำเนินการในขั้นต่อไป ในการทำหนังสือ ซึ่งตนเองได้ถามนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ว่าตกลงแล้ว รัฐบาลไทยเคยทำหนังสือหรือไม่ ในการพูดคุยกับประเทศอื่น เพราะอย่างน้อยมีประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะในแถลงการณ์ของกรรมาธิการต่างประเทศ ว่า สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐได้ระบุไว้ชัดเจนว่า สหรัฐอเมริกาเคยยื่นเงื่อนไขที่เป็นรูปธรรม ในการช่วยแก้ไขปัญหาอุยกูร์ และอยากให้รัฐบาลไทยช่วยพิจารณาข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมของสหรัฐ แต่ว่ารัฐบาลไทยได้ทำเอกสาร หรือหนังสืออย่างเป็นทางการ เพื่อยกระดับการเจรจาหรือไม่ แต่ทางผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็ยอมรับว่า ไทยเจรจาปากเปล่า ไม่เคยทำหนังสือใดๆ อย่างเป็นทางการ จึงเกิดการย้อนแย้งในตัว ว่าที่แท้จริงประเทศไทยก็ไม่ได้มีความจริงจังกับประเทศอื่น เพราะฉะนั้นในทางการทูต จะต้องมีการดำเนินการอย่างเท่ากันทั้งสองประเทศ

นางสาว พรรณิการ์ กล่าวว่า สิ่งที่ผิดหวังที่สุดในวันนี้ คือนายรัศม์ ระบุว่าหากประเทศอื่นมีความจริงจังจริง ควรเจรจากับประเทศจีน ไม่ใช่ให้ไทยเจรจาอยู่ประเทศเดียว ตนเองจึงได้ถามกลับว่า นี่เป็นคำพูดจากกระทรวงการต่างประเทศจริงหรือ ซึ่งคิดว่าการทูตของไทย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้ประเทศอื่นมาเป็นเอเยนต์ หรือเป็นตัวแทนเจรจากับจีน เพราะไทยมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากพอ ที่จะเจรจากับประเทศจีน

ทั้งนี้ นายรัศม์ ยืนยันหนักแน่นว่า ต้องเชื่อประเทศจีนเพราะประเทศเป็นประเทศมหาอำนาจ ซึ่งได้รับรองความปลอดภัยแล้ว แต่ว่า 10 ปีแล้ว พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยยอมรับกับสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจีน จะให้ความปลอดภัย ชาวอุยกูร์ 100 คน ในปี 2558 แต่คำถามคือ ณวันนี้ชาวอุยกูร์เหล่านั้นอยู่ที่ไหน รัฐบาลเคยติดตามตรวจสอบ ก่อนส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปก่อนหรือไม่ ซึ่งควรดูก่อนว่า ชาวอุยกูร์ที่ส่งกลับไปเมื่อ 10 ปี มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ก่อนตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ 40 คนไปอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ใช้ความเชื่อเพราะประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจ และจะรักษาคำพูด แต่นายรัศม์ กลับไม่ตอบคำถาม

นอกจากนี้เมื่อปี 2022 สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ เคยออกรายงานเป็นเล่ม ระบุว่า รัฐบาลจีน อาจกระทำการ อาชญากรรม ต่อมนุษยชาติ ต่อชาวอุยกูร์ และ ปี2023 ที่ประชุมสหประชาชาติ 51 ประเทศ นำโดยประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ในแนวทางเดียวกัน แต่รัฐบาลไทยประเทศจีนเลือก เลือกเชื่อประเทศจีนเพียงประเทศเดียว หรือแม้แต่การที่จะ ตามไปดูชาวอุยกูร์ที่มณฑลซินเจียง ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ จะสามารถติดตามดูตลอด1-10ปีหรือไม่ แต่กลับไม่ไปดูกว่า 100 คน ที่ส่งกลับไปตอนแรก เพราะนั่นจะเป็นเครื่องพิสูจน์

นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายคนที่เดินทางมาประชุมกรรมาธิการในวันนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ และไม่สามารถตัดสินใจในเชิงนโยบายได้ ในขณะที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ใหญ่ เพราะไปเกี่ยวข้องกับกฎหมายในประเทศและต่างประเทศ อาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติ อาจจะซวยไปด้วย ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ตนเองสังเกตสีหน้าเลขา สมช. เห็นได้ว่าตัวรัฐบาลไปยืนอยู่ข้างหลังผู้ปฏิบัติงานอย่าง สมช. ตนมองว่าไม่แฟร์ ขณะที่ทางตำรวจได้ส่งรองผบช.ตม. มาชี้แจงแทน ซึ่งก็ไม่ได้รับผิดชอบในเรื่องนี้ จึงแปลกใจว่าทาง สตช. ที่มีทั้งผบ.ตร.และรองผบ.ตร. โดยเฉพาะพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ที่เดินทางไปติดตามสถานการณ์แต่ไม่ยอมมาให้ข้อมูล จึงตั้งคำถามไปที่รัฐบาลว่าหากมั่นใจในกระบวนการเหตุใดจึงให้ข้าราชการประจำเป็นผู้ออกหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้บ่งชี้ชัดได้ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวผิดพลาด

เมื่อถามว่าเมื่อมีประเทศที่3 ขอตัวชาวอุยกูร์มาแล้ว แต่ไทยไม่ดำเนินการส่งตัวถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นางรังสิมันต์ ระบุว่า ถ้าเป็นหลักกฎหมายคงไม่ใช่ เป็นเรื่องของนโยบายมากกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเรามีทางเลือกที่มีประเทศที่3เสนอจะรับชาวอุยกูร์ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเคยส่งผู้ลี้ภัยที่อยู่ค่ายผู้อพยพทั้ง 9 ค่ายในไทยไปยังประเทศที่3 เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเทียบกันชาวอุยกูร์ 40 คน ถือว่าน้อยมาก ซึ่งไทยไม่เคยส่งสัญญาณว่าไทยจะเลือกทางเลือกแบบนี้ และการไปบอกว่าประเทศอื่นไม่มีความจริงใจมองว่าแบบนี้เป็นการหาเรื่องประเทศอื่น เป็นชักศึกเข้าบ้าน ทั้งที่ประเทศอื่นก็ไม่ได้มีความผิดอะไร

เมื่อถามต่อว่าเลขา สมช. ได้เดินทางไปส่งชาวอุยกูร์ถึงประเทศจีน ได้เปิดเผยหรือไม่ว่าเหตุใดต้องรอให้ทางการจีนออกมาเปิดเผยก่อนประเทศไทย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ในประชุมได้มีการซักถามแต่ไม่ได้รายละเอียดที่ชัดเจน คราวๆ คือความตั้งใจของรัฐบาลไทยอยู่แล้ว จึงเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ แต่มีข้อบ่งชี้ว่าความจริงแล้วทางการไทยต้องการให้เป็นการ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ยกหูคุยนายกฯ มาเลเซีย ร่วมแก้น้ำท่วมลุ่มแม่น้ำโก-ลก

นายกฯ ยกหูจากเยอรมนีคุย “นายกฯ มาเลเซีย” เตรียมความพร้อมร่วมมือแก้ปัญหาน้ำท่วมลุ่มแม่น้ำโก-ลก ผลักดันโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่-ด่านบูกิตกายูฮิตัม คาดเสร็จภายใน ต.ค.นี้

นางสงกรานต์ปี 68 นาม “ทุงสะเทวี” ธัญญาหาร-ประชาชนสุขสมบูรณ์

ฝ่ายโหรพราหมณ์ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ประกาศสงกรานต์ ปี 2568 วันที่ 14 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์ ทรงนามว่า ทุงสะเทวี

ขนเหยื่อและแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเมียวดีกลับจีน รอบ 2

เริ่มแล้วปฏิบัติการขนเหยื่อและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมืองเมียวดี กลับจีน รอบ 2 จำนวน 4 วัน 19 เที่ยวบิน รวมกว่า 1,400 คน

ฮั้วเลือก สว.

DSI รับเรื่อง “ฮั้วเลือก สว.” เป็นคดีพิเศษ

6 มี.ค. – คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับการฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 (1) คือเข้าข่ายการฟอกเงิน ด้วยมติเห็นชอบ 11 เสียง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ร่วมประชุมพิจารณาคดีเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งเป็นการนัดประชุมครั้งที่ 2 ภายหลังส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ เป็นพิจารณาให้ได้ข้อยุติก่อนเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษในวันนี้ โดยในช่วงการเปิดประชุม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ ได้รายงานว่า วันนี้มีผู้เข้าร่วมประชุม 19 คน ลาประชุม 3 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน คือ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน […]