“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ส่งกลับอุยกูร์

รัฐสภา 6 มี.ค.-“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ เผยมติ สมช. เคาะส่งกลับอุยกูร์ ตั้งแต่ 17 ม.ค.68 แล้วมาแจง กลางกมธ.การกฎหมายทีหลัง ยืนยันไม่มีการส่งตัว บอก มีประเทศที่ 3 อ้าแขนรับ แต่ไทยไม่ปฏิบัติการเชิงรุก ด้าน “ช่อ พรรณิการ์” ผิดหวัง “ทูตรัศม์” แจงประเทศอื่นไม่แน่วแน่ ปล่อยเจรจาคนเดียว ลั่นการทูต ไม่ใช้วิธีเอเยนต์ ไทยมีศักดิ์ศรีพอเจรจาเองได้


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรแถลงภายหลังการประชุม ว่าที่ประชุมได้ข้อมูล โดยเรื่องแรก สมช. ได้มีการประชุมและมีหนังสือจากทางการจีน เพื่อขอตัวชาวอุยกูร์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 มกราคม จากนั้น สมช. ได้มีการประชุมและลงมติเมื่อวันที่ 17 มกราคม แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย ที่ได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการส่งตัวชาวอุยกูร์กับจีน ซึ่งหากไปดูตามไทม์ไลน์ การประชุมกรรมาธิการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังที่ประชุม สมช. มีมติไปแล้ว ซึ่งทำให้สงสัยว่าข้อมูล สมช. มาชี้แจงกับกรรมาธิการมีข้อมูลอย่างไร ซึ่งข้อมูล สมช. ไปให้กับกรรมาธิการต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากมติ สมช. แล้วทั้งนั้น

ทั้งนี้การประชุมของ สมช. ที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายคน อาทิ นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และยังมีรัฐมนตรีจากกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ซึ่งมองว่าก็เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการอยู่แล้ว


ขณะที่ในที่ประชุมกรรมาธิการได้สอบถาม เรื่องของเหตุผลการส่งตัวไปและไทยได้อะไรจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งข้อมูลที่ได้มายังไม่ชัดเจนว่าประเทศไทยได้ประโยชน์จากอะไร แต่กลายเป็นการพูดถึงเรื่องการคุมขังชาวอุยกูร์ที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาจเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ซ้อมทรมาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ยืนยันว่า การกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่าย ทำให้มีความเห็นแตกต่างกัน เพราะทาง สมช. มองว่าการให้อุยกูร์อยู่ในห้องคุมขังต่อเป็นการละเมิดสิทธิ แต่ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้เห็นเช่นนั้น

จากนั้นในที่ประชุมได้สอบถามเหตุผล ว่าเหตุใดไม่ส่งไปยังประเทศที่สาม ซึ่งเรื่องนี้ได้รับข้อมูลว่า ประเทศที่ 3 ไม่ได้มีความจริงจังที่จะต้องการรับชาวอุยกูร์ไปอยู่ด้วย และเมื่อพูดคุยในรายละเอียดก็ได้ทราบว่าประเทศไทยไม่เคยทำหนังสือไปยังประเทศที่3 เพื่อสอบถามซักครั้ง ไม่เคยทำหน้าที่เชิงรุกในการประสานงาน ซึ่งทางตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ยืนยันว่า ประเทศที่จริงจังที่สุดที่จะรับชาวอุยกูร์กลับไปก็คือประเทศจีน

นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ได้รับวันนี้ค่อนข้างชัดเจนเรื่องของประเทศที่ 3 ที่มีความพร้อมที่จะรับชาวอุยกูร์ทั้งหมดมากกว่า 1 ประเทศ แต่ทางการไทยไม่เคยตอบรับและทำหนังสือเพื่อยกระดับการพูดคุยในเรื่องนี้


ส่วนเรื่องของความปลอดภัย ที่ประชุมกรรมาธิการมีมติจะขอข้อมูลจากกล้องวงจรปิด CCTV อาทิ กล้องจากรถตำรวจ ที่นำอุยกูร์ไปสนามบิน
รวมถึงรายชื่อชาวอุยกูร์ทั้งหมด
พร้อมรูปถ่าย เพื่อมายืนยันว่าชาวอุยกูร์ ได้มีความสมัครใจกลับประเทศจีนจริงหรือไม่ และจะได้ทราบถึงอากัปกิริยาขณะเดินทาง

ด้านนางสาวพรรณิการ์ วานิช กล่าวเพิ่มเติม ว่า ที่ตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลไทยมีความพยายามเพียงพอหรือไม่ในการหา option เพิ่มเติมนอกจากการส่งกลับประเทศจีน และการกักขังแบบไม่มีที่สิ้นสุดในประเทศไทย ซึ่งในวันที่นายภูมิธรรมได้แถลง ในคืนวันที่ได้ปล่อยชาวอุยกูร์กลับประเทศไปแล้ว ใช้คำว่า ไม่มีประเทศใดเลยในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา ที่ติดต่อขอรับตัวชาวอุยกูร์ นอกจากประเทศจีน แต่ ณ วันนี้ปรากฏชัดเจนแล้วว่ามีประเทศที่ 3 พยายามติดต่อ โดยข้าราชการระดับกระทรวงการต่างประเทศ และระดับอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ที่ได้มีการชี้แจงกับกรรมาธิการกฎหมายฯ ว่ามีอย่างน้อย 3 ประเทศที่ติดต่อขอรับตัว แต่ตัวแทนของรัฐบาลมีการพยายามพูดว่า ไม่มีความจริงจัง ไม่มีความแน่วแน่จากประเทศที่3 เพราะไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งหลักการทางการทูต จะเริ่มต้นด้วยการติดต่อทางวาจา หากการติดต่อด้วยวาจาไม่ได้รับการตอบสนอง จะไม่มีการดำเนินการในขั้นต่อไป ในการทำหนังสือ ซึ่งตนเองได้ถามนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ว่าตกลงแล้ว รัฐบาลไทยเคยทำหนังสือหรือไม่ ในการพูดคุยกับประเทศอื่น เพราะอย่างน้อยมีประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะในแถลงการณ์ของกรรมาธิการต่างประเทศ ว่า สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐได้ระบุไว้ชัดเจนว่า สหรัฐอเมริกาเคยยื่นเงื่อนไขที่เป็นรูปธรรม ในการช่วยแก้ไขปัญหาอุยกูร์ และอยากให้รัฐบาลไทยช่วยพิจารณาข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมของสหรัฐ แต่ว่ารัฐบาลไทยได้ทำเอกสาร หรือหนังสืออย่างเป็นทางการ เพื่อยกระดับการเจรจาหรือไม่ แต่ทางผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็ยอมรับว่า ไทยเจรจาปากเปล่า ไม่เคยทำหนังสือใดๆ อย่างเป็นทางการ จึงเกิดการย้อนแย้งในตัว ว่าที่แท้จริงประเทศไทยก็ไม่ได้มีความจริงจังกับประเทศอื่น เพราะฉะนั้นในทางการทูต จะต้องมีการดำเนินการอย่างเท่ากันทั้งสองประเทศ

นางสาว พรรณิการ์ กล่าวว่า สิ่งที่ผิดหวังที่สุดในวันนี้ คือนายรัศม์ ระบุว่าหากประเทศอื่นมีความจริงจังจริง ควรเจรจากับประเทศจีน ไม่ใช่ให้ไทยเจรจาอยู่ประเทศเดียว ตนเองจึงได้ถามกลับว่า นี่เป็นคำพูดจากกระทรวงการต่างประเทศจริงหรือ ซึ่งคิดว่าการทูตของไทย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้ประเทศอื่นมาเป็นเอเยนต์ หรือเป็นตัวแทนเจรจากับจีน เพราะไทยมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากพอ ที่จะเจรจากับประเทศจีน

ทั้งนี้ นายรัศม์ ยืนยันหนักแน่นว่า ต้องเชื่อประเทศจีนเพราะประเทศเป็นประเทศมหาอำนาจ ซึ่งได้รับรองความปลอดภัยแล้ว แต่ว่า 10 ปีแล้ว พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยยอมรับกับสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจีน จะให้ความปลอดภัย ชาวอุยกูร์ 100 คน ในปี 2558 แต่คำถามคือ ณวันนี้ชาวอุยกูร์เหล่านั้นอยู่ที่ไหน รัฐบาลเคยติดตามตรวจสอบ ก่อนส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปก่อนหรือไม่ ซึ่งควรดูก่อนว่า ชาวอุยกูร์ที่ส่งกลับไปเมื่อ 10 ปี มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ก่อนตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ 40 คนไปอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ใช้ความเชื่อเพราะประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจ และจะรักษาคำพูด แต่นายรัศม์ กลับไม่ตอบคำถาม

นอกจากนี้เมื่อปี 2022 สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ เคยออกรายงานเป็นเล่ม ระบุว่า รัฐบาลจีน อาจกระทำการ อาชญากรรม ต่อมนุษยชาติ ต่อชาวอุยกูร์ และ ปี2023 ที่ประชุมสหประชาชาติ 51 ประเทศ นำโดยประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ในแนวทางเดียวกัน แต่รัฐบาลไทยประเทศจีนเลือก เลือกเชื่อประเทศจีนเพียงประเทศเดียว หรือแม้แต่การที่จะ ตามไปดูชาวอุยกูร์ที่มณฑลซินเจียง ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ จะสามารถติดตามดูตลอด1-10ปีหรือไม่ แต่กลับไม่ไปดูกว่า 100 คน ที่ส่งกลับไปตอนแรก เพราะนั่นจะเป็นเครื่องพิสูจน์

นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายคนที่เดินทางมาประชุมกรรมาธิการในวันนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ และไม่สามารถตัดสินใจในเชิงนโยบายได้ ในขณะที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ใหญ่ เพราะไปเกี่ยวข้องกับกฎหมายในประเทศและต่างประเทศ อาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติ อาจจะซวยไปด้วย ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ตนเองสังเกตสีหน้าเลขา สมช. เห็นได้ว่าตัวรัฐบาลไปยืนอยู่ข้างหลังผู้ปฏิบัติงานอย่าง สมช. ตนมองว่าไม่แฟร์ ขณะที่ทางตำรวจได้ส่งรองผบช.ตม. มาชี้แจงแทน ซึ่งก็ไม่ได้รับผิดชอบในเรื่องนี้ จึงแปลกใจว่าทาง สตช. ที่มีทั้งผบ.ตร.และรองผบ.ตร. โดยเฉพาะพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ที่เดินทางไปติดตามสถานการณ์แต่ไม่ยอมมาให้ข้อมูล จึงตั้งคำถามไปที่รัฐบาลว่าหากมั่นใจในกระบวนการเหตุใดจึงให้ข้าราชการประจำเป็นผู้ออกหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้บ่งชี้ชัดได้ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวผิดพลาด

เมื่อถามว่าเมื่อมีประเทศที่3 ขอตัวชาวอุยกูร์มาแล้ว แต่ไทยไม่ดำเนินการส่งตัวถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นางรังสิมันต์ ระบุว่า ถ้าเป็นหลักกฎหมายคงไม่ใช่ เป็นเรื่องของนโยบายมากกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเรามีทางเลือกที่มีประเทศที่3เสนอจะรับชาวอุยกูร์ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเคยส่งผู้ลี้ภัยที่อยู่ค่ายผู้อพยพทั้ง 9 ค่ายในไทยไปยังประเทศที่3 เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเทียบกันชาวอุยกูร์ 40 คน ถือว่าน้อยมาก ซึ่งไทยไม่เคยส่งสัญญาณว่าไทยจะเลือกทางเลือกแบบนี้ และการไปบอกว่าประเทศอื่นไม่มีความจริงใจมองว่าแบบนี้เป็นการหาเรื่องประเทศอื่น เป็นชักศึกเข้าบ้าน ทั้งที่ประเทศอื่นก็ไม่ได้มีความผิดอะไร

เมื่อถามต่อว่าเลขา สมช. ได้เดินทางไปส่งชาวอุยกูร์ถึงประเทศจีน ได้เปิดเผยหรือไม่ว่าเหตุใดต้องรอให้ทางการจีนออกมาเปิดเผยก่อนประเทศไทย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ในประชุมได้มีการซักถามแต่ไม่ได้รายละเอียดที่ชัดเจน คราวๆ คือความตั้งใจของรัฐบาลไทยอยู่แล้ว จึงเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ แต่มีข้อบ่งชี้ว่าความจริงแล้วทางการไทยต้องการให้เป็นการ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอบคุณที่เสียสละ ขออดทนอดกลั้น

สระแก้ว 26 มิ.ย.- นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอให้อดทนอดกลั้น ขอบคุณที่เสียสละ พร้อมพบปะนักเรียนแนวชายแดน มอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา ก่อนไปตรวจหลุมหลบภัย เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพราน 1202 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไปดูบังเกอร์ของหน่วยดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าต้องมาประจำที่ห่างไกลจากครอบครัว ต้องขอขอบคุณที่เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทหารคือรั้วของชาติ การมาประจำการอยู่ใกล้ชิดชายแดนขนาดนี้ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะมีสิ่งยั่วยุอยู่มากมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อดทนอดกลั้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น พร้อมย้ำว่าอะไรที่ต้องการ รัฐบาลสนับสนุน ขอให้บอกมาเลย ยืนยันไม่ลืมเรื่องการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และสวัสดิการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายนักเรียนในห้องเรียนต่างๆ โดยนักเรียนแต่ละห้องได้โชว์กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนที่แตกต่างกันไปให้นายกรัฐมนตรีชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบอุปกรณ์การเรียน นม ขนม […]

เกาะติดปฏิบัติการ EOD ทำลายวัตถุต้องสงสัย หาดป่าตอง

ภูเก็ต 26 มิ.ย. – ภูเก็ตป่วนอีก! พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ที่หาดป่าตอง ตำรวจชุด EOD ยิงทำลายสำเร็จ หลังเมื่อวานทำลาย จยย. ซุกวัตถุระเบิด จอดทิ้งหน้าสนามบิน ตำรวจชุด EOD ได้ยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยที่ผู้ไม่หวังดีนำมาซุกซ่อนเอาไว้บริเวณหาดป่าตอง เรียบร้อยแล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยตำรวจได้กันพื้นที่ในจุดที่พบวัตถุต้องสงสัย ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในบริเวณดังกล่าว ทำให้พื้นที่รอบนอกรัศมีออกมา 300-400 เมตร นักท่องเที่ยวยังคงใช้ชีวิตปกติ และไม่ได้ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด วัตถุต้องสงสัยดังกล่าว มีลักษณะเป็นการตั้งตัวหน่วงเวลาแต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นระเบิดชนิดใด ต้องรอตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บวัตถุพยานต่างๆ เพิ่มเติม โดยก่อนจะยิงทำลาย เจ้าหน้าที่ได้ยิงสกัดสัญญาณก่อน 2 ครั้ง และขณะยิงทำลาย ผู้สื่อข่าวซึ่งอยู่ห่างออกมา 200 เมตร ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น โดยช่วงเย็นวานนี้ ตำรวจชุด EOD ได้ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต และยิงทำลายวัตถุระเบิดได้สำเร็จ พลตำรวจตรีสินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ยอมรับว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีการยกระดับความเข้มการตรวจสอบพื้นที่ทั่วเกาะ ทั้งนี้เหตุการณ์ที่พบวัตถุระเบิดทั้ง 2 จุด ในภูเก็ต เชื่อมโยงกับการจับกุม […]

มทภ.2 ถวาย “พระประธาน” 20 จังหวัดอีสาน

กองทัพภาคที่สอง 26 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 2 แก้เคล็ด ถวาย “พระประธาน” 20 จังหวัดอีสาน ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย นำความผาสุกสู่ประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการตามจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 20 จังหวัดอีสานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงพื้นที่ในแต่ละครั้งจะนำพระประธานไปถวายวัดในจังหวัดนั้นๆ จังหวัดละ 1 องค์ พล.ท.บุญสิน เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในแต่ละครั้ง นอกจากไปตรวจเยี่ยมหน่วยทหารแล้ว ยังได้มีโอกาสพบปะกับพี่น้องประชาชน ซึ่งคนทางภาคอีสานชอบเข้าวัดทำบุญ ตนจึงเห็นว่าการลงพื้นที่ในแต่ละครั้งควรที่จะทำบุญที่วัด โดยการถวายพระองค์ใหญ่หรือพระประธานให้แก่วัด “เพื่อเป็นการสร้างบุญกุศลครั้งใหญ่ เป็นการทำบุญ ที่เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคล และความเจริญรุ่งเรืองให้พี่น้องประชาชน จะได้รับอานิสงส์ผลบุญมากมาย แก่ชีวิตของทุกๆ ท่าน อีกทั้งยังช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดี สิ่งชั่วร้ายให้พ้นออกไปจากประเทศเรา และนำพาความสุขความเจริญกลับมาสู่ประเทศเรา เป็นการแก้เคล็ด หรือแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีให้ออกไป” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว สำหรับวัดที่ได้นำพระพุทธรูปขนาดใหญ่ จำนวน 20 วัด โดยเริ่มถวายมาตั้งแต่วันที่ […]

ผ่อนผันให้ชาวเขมร ผ่านด่านคลองลึกเข้าไทย ไม่เกิน 1 พันคน/วัน

สระแก้ว 26 มิ.ย.-มนุษยธรรม! ทภ.1 ยอมผ่อนผันให้ชาวเขมร เดินทางผ่านด่านคลองลึกเข้ามาในประเทศไทยได้วันละไม่เกิน 1 พันคน แต่กำหนดเวลาเปิด-ปิดด่านดังเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพา ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริเวณด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องให้ประชาชนชาวไทยและกัมพูชา เดินทางข้ามแดนและเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อเป็นการดูแลในเรื่องของมนุษยธรรม ให้กับพี่น้องประชาชน ระบุว่า เพื่อเป็นการอนุโลมให้กับประชาชนชาวไทย และชาวกัมพูชา ที่ต้องการเดินทาง กลับภูมิลำเนา ผ่านจุดผ่านแดนในพื้นพื้นที่จังหวัดสระแก้ว และเป็นไปตามด้านมนุษยธรรม กองกำลังบูรพา จึงกำหนดมาตรการในการดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้1.จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก1.1ประชาชนกัมพูชา ที่มีความจำเป็นสามารถเดินทางเข้ามาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น โดยใช้หนังสือผ่านแดน Border Pass ของจังหวัดบันเตียเมียนเจย เท่านั้น (ไม่อนุญาตให้ใช้หนังสือเดินทาง Passport ในการผ่านแดน) และไม่อนุญาตให้นำยานพาหนะ ตั้งแต่รถจักรยานยนต์ฯ และรถยนต์ส่วนบุคคลฯ ทุกชนิด เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย (ยกเว้นรถจักรยาน 2 ล้อ) และให้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ลงตราประทับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ ไม่เกิน 1 วัน ตามห้วงเวลา ดังนี้1.1.1 เวลา 08.00 […]