“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ส่งกลับอุยกูร์

รัฐสภา 6 มี.ค.-“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ เผยมติ สมช. เคาะส่งกลับอุยกูร์ ตั้งแต่ 17 ม.ค.68 แล้วมาแจง กลางกมธ.การกฎหมายทีหลัง ยืนยันไม่มีการส่งตัว บอก มีประเทศที่ 3 อ้าแขนรับ แต่ไทยไม่ปฏิบัติการเชิงรุก ด้าน “ช่อ พรรณิการ์” ผิดหวัง “ทูตรัศม์” แจงประเทศอื่นไม่แน่วแน่ ปล่อยเจรจาคนเดียว ลั่นการทูต ไม่ใช้วิธีเอเยนต์ ไทยมีศักดิ์ศรีพอเจรจาเองได้


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรแถลงภายหลังการประชุม ว่าที่ประชุมได้ข้อมูล โดยเรื่องแรก สมช. ได้มีการประชุมและมีหนังสือจากทางการจีน เพื่อขอตัวชาวอุยกูร์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 มกราคม จากนั้น สมช. ได้มีการประชุมและลงมติเมื่อวันที่ 17 มกราคม แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย ที่ได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการส่งตัวชาวอุยกูร์กับจีน ซึ่งหากไปดูตามไทม์ไลน์ การประชุมกรรมาธิการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังที่ประชุม สมช. มีมติไปแล้ว ซึ่งทำให้สงสัยว่าข้อมูล สมช. มาชี้แจงกับกรรมาธิการมีข้อมูลอย่างไร ซึ่งข้อมูล สมช. ไปให้กับกรรมาธิการต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากมติ สมช. แล้วทั้งนั้น

ทั้งนี้การประชุมของ สมช. ที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายคน อาทิ นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และยังมีรัฐมนตรีจากกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ซึ่งมองว่าก็เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการอยู่แล้ว


ขณะที่ในที่ประชุมกรรมาธิการได้สอบถาม เรื่องของเหตุผลการส่งตัวไปและไทยได้อะไรจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งข้อมูลที่ได้มายังไม่ชัดเจนว่าประเทศไทยได้ประโยชน์จากอะไร แต่กลายเป็นการพูดถึงเรื่องการคุมขังชาวอุยกูร์ที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาจเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ซ้อมทรมาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ยืนยันว่า การกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่าย ทำให้มีความเห็นแตกต่างกัน เพราะทาง สมช. มองว่าการให้อุยกูร์อยู่ในห้องคุมขังต่อเป็นการละเมิดสิทธิ แต่ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้เห็นเช่นนั้น

จากนั้นในที่ประชุมได้สอบถามเหตุผล ว่าเหตุใดไม่ส่งไปยังประเทศที่สาม ซึ่งเรื่องนี้ได้รับข้อมูลว่า ประเทศที่ 3 ไม่ได้มีความจริงจังที่จะต้องการรับชาวอุยกูร์ไปอยู่ด้วย และเมื่อพูดคุยในรายละเอียดก็ได้ทราบว่าประเทศไทยไม่เคยทำหนังสือไปยังประเทศที่3 เพื่อสอบถามซักครั้ง ไม่เคยทำหน้าที่เชิงรุกในการประสานงาน ซึ่งทางตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ยืนยันว่า ประเทศที่จริงจังที่สุดที่จะรับชาวอุยกูร์กลับไปก็คือประเทศจีน

นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ได้รับวันนี้ค่อนข้างชัดเจนเรื่องของประเทศที่ 3 ที่มีความพร้อมที่จะรับชาวอุยกูร์ทั้งหมดมากกว่า 1 ประเทศ แต่ทางการไทยไม่เคยตอบรับและทำหนังสือเพื่อยกระดับการพูดคุยในเรื่องนี้


ส่วนเรื่องของความปลอดภัย ที่ประชุมกรรมาธิการมีมติจะขอข้อมูลจากกล้องวงจรปิด CCTV อาทิ กล้องจากรถตำรวจ ที่นำอุยกูร์ไปสนามบิน
รวมถึงรายชื่อชาวอุยกูร์ทั้งหมด
พร้อมรูปถ่าย เพื่อมายืนยันว่าชาวอุยกูร์ ได้มีความสมัครใจกลับประเทศจีนจริงหรือไม่ และจะได้ทราบถึงอากัปกิริยาขณะเดินทาง

ด้านนางสาวพรรณิการ์ วานิช กล่าวเพิ่มเติม ว่า ที่ตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลไทยมีความพยายามเพียงพอหรือไม่ในการหา option เพิ่มเติมนอกจากการส่งกลับประเทศจีน และการกักขังแบบไม่มีที่สิ้นสุดในประเทศไทย ซึ่งในวันที่นายภูมิธรรมได้แถลง ในคืนวันที่ได้ปล่อยชาวอุยกูร์กลับประเทศไปแล้ว ใช้คำว่า ไม่มีประเทศใดเลยในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา ที่ติดต่อขอรับตัวชาวอุยกูร์ นอกจากประเทศจีน แต่ ณ วันนี้ปรากฏชัดเจนแล้วว่ามีประเทศที่ 3 พยายามติดต่อ โดยข้าราชการระดับกระทรวงการต่างประเทศ และระดับอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ที่ได้มีการชี้แจงกับกรรมาธิการกฎหมายฯ ว่ามีอย่างน้อย 3 ประเทศที่ติดต่อขอรับตัว แต่ตัวแทนของรัฐบาลมีการพยายามพูดว่า ไม่มีความจริงจัง ไม่มีความแน่วแน่จากประเทศที่3 เพราะไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งหลักการทางการทูต จะเริ่มต้นด้วยการติดต่อทางวาจา หากการติดต่อด้วยวาจาไม่ได้รับการตอบสนอง จะไม่มีการดำเนินการในขั้นต่อไป ในการทำหนังสือ ซึ่งตนเองได้ถามนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ว่าตกลงแล้ว รัฐบาลไทยเคยทำหนังสือหรือไม่ ในการพูดคุยกับประเทศอื่น เพราะอย่างน้อยมีประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะในแถลงการณ์ของกรรมาธิการต่างประเทศ ว่า สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐได้ระบุไว้ชัดเจนว่า สหรัฐอเมริกาเคยยื่นเงื่อนไขที่เป็นรูปธรรม ในการช่วยแก้ไขปัญหาอุยกูร์ และอยากให้รัฐบาลไทยช่วยพิจารณาข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมของสหรัฐ แต่ว่ารัฐบาลไทยได้ทำเอกสาร หรือหนังสืออย่างเป็นทางการ เพื่อยกระดับการเจรจาหรือไม่ แต่ทางผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็ยอมรับว่า ไทยเจรจาปากเปล่า ไม่เคยทำหนังสือใดๆ อย่างเป็นทางการ จึงเกิดการย้อนแย้งในตัว ว่าที่แท้จริงประเทศไทยก็ไม่ได้มีความจริงจังกับประเทศอื่น เพราะฉะนั้นในทางการทูต จะต้องมีการดำเนินการอย่างเท่ากันทั้งสองประเทศ

นางสาว พรรณิการ์ กล่าวว่า สิ่งที่ผิดหวังที่สุดในวันนี้ คือนายรัศม์ ระบุว่าหากประเทศอื่นมีความจริงจังจริง ควรเจรจากับประเทศจีน ไม่ใช่ให้ไทยเจรจาอยู่ประเทศเดียว ตนเองจึงได้ถามกลับว่า นี่เป็นคำพูดจากกระทรวงการต่างประเทศจริงหรือ ซึ่งคิดว่าการทูตของไทย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้ประเทศอื่นมาเป็นเอเยนต์ หรือเป็นตัวแทนเจรจากับจีน เพราะไทยมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากพอ ที่จะเจรจากับประเทศจีน

ทั้งนี้ นายรัศม์ ยืนยันหนักแน่นว่า ต้องเชื่อประเทศจีนเพราะประเทศเป็นประเทศมหาอำนาจ ซึ่งได้รับรองความปลอดภัยแล้ว แต่ว่า 10 ปีแล้ว พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยยอมรับกับสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจีน จะให้ความปลอดภัย ชาวอุยกูร์ 100 คน ในปี 2558 แต่คำถามคือ ณวันนี้ชาวอุยกูร์เหล่านั้นอยู่ที่ไหน รัฐบาลเคยติดตามตรวจสอบ ก่อนส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปก่อนหรือไม่ ซึ่งควรดูก่อนว่า ชาวอุยกูร์ที่ส่งกลับไปเมื่อ 10 ปี มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ก่อนตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ 40 คนไปอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ใช้ความเชื่อเพราะประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจ และจะรักษาคำพูด แต่นายรัศม์ กลับไม่ตอบคำถาม

นอกจากนี้เมื่อปี 2022 สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ เคยออกรายงานเป็นเล่ม ระบุว่า รัฐบาลจีน อาจกระทำการ อาชญากรรม ต่อมนุษยชาติ ต่อชาวอุยกูร์ และ ปี2023 ที่ประชุมสหประชาชาติ 51 ประเทศ นำโดยประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ในแนวทางเดียวกัน แต่รัฐบาลไทยประเทศจีนเลือก เลือกเชื่อประเทศจีนเพียงประเทศเดียว หรือแม้แต่การที่จะ ตามไปดูชาวอุยกูร์ที่มณฑลซินเจียง ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ จะสามารถติดตามดูตลอด1-10ปีหรือไม่ แต่กลับไม่ไปดูกว่า 100 คน ที่ส่งกลับไปตอนแรก เพราะนั่นจะเป็นเครื่องพิสูจน์

นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายคนที่เดินทางมาประชุมกรรมาธิการในวันนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ และไม่สามารถตัดสินใจในเชิงนโยบายได้ ในขณะที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ใหญ่ เพราะไปเกี่ยวข้องกับกฎหมายในประเทศและต่างประเทศ อาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติ อาจจะซวยไปด้วย ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ตนเองสังเกตสีหน้าเลขา สมช. เห็นได้ว่าตัวรัฐบาลไปยืนอยู่ข้างหลังผู้ปฏิบัติงานอย่าง สมช. ตนมองว่าไม่แฟร์ ขณะที่ทางตำรวจได้ส่งรองผบช.ตม. มาชี้แจงแทน ซึ่งก็ไม่ได้รับผิดชอบในเรื่องนี้ จึงแปลกใจว่าทาง สตช. ที่มีทั้งผบ.ตร.และรองผบ.ตร. โดยเฉพาะพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ที่เดินทางไปติดตามสถานการณ์แต่ไม่ยอมมาให้ข้อมูล จึงตั้งคำถามไปที่รัฐบาลว่าหากมั่นใจในกระบวนการเหตุใดจึงให้ข้าราชการประจำเป็นผู้ออกหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้บ่งชี้ชัดได้ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวผิดพลาด

เมื่อถามว่าเมื่อมีประเทศที่3 ขอตัวชาวอุยกูร์มาแล้ว แต่ไทยไม่ดำเนินการส่งตัวถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นางรังสิมันต์ ระบุว่า ถ้าเป็นหลักกฎหมายคงไม่ใช่ เป็นเรื่องของนโยบายมากกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเรามีทางเลือกที่มีประเทศที่3เสนอจะรับชาวอุยกูร์ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเคยส่งผู้ลี้ภัยที่อยู่ค่ายผู้อพยพทั้ง 9 ค่ายในไทยไปยังประเทศที่3 เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเทียบกันชาวอุยกูร์ 40 คน ถือว่าน้อยมาก ซึ่งไทยไม่เคยส่งสัญญาณว่าไทยจะเลือกทางเลือกแบบนี้ และการไปบอกว่าประเทศอื่นไม่มีความจริงใจมองว่าแบบนี้เป็นการหาเรื่องประเทศอื่น เป็นชักศึกเข้าบ้าน ทั้งที่ประเทศอื่นก็ไม่ได้มีความผิดอะไร

เมื่อถามต่อว่าเลขา สมช. ได้เดินทางไปส่งชาวอุยกูร์ถึงประเทศจีน ได้เปิดเผยหรือไม่ว่าเหตุใดต้องรอให้ทางการจีนออกมาเปิดเผยก่อนประเทศไทย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ในประชุมได้มีการซักถามแต่ไม่ได้รายละเอียดที่ชัดเจน คราวๆ คือความตั้งใจของรัฐบาลไทยอยู่แล้ว จึงเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ แต่มีข้อบ่งชี้ว่าความจริงแล้วทางการไทยต้องการให้เป็นการ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]