“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ส่งกลับอุยกูร์

รัฐสภา 6 มี.ค.-“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ เผยมติ สมช. เคาะส่งกลับอุยกูร์ ตั้งแต่ 17 ม.ค.68 แล้วมาแจง กลางกมธ.การกฎหมายทีหลัง ยืนยันไม่มีการส่งตัว บอก มีประเทศที่ 3 อ้าแขนรับ แต่ไทยไม่ปฏิบัติการเชิงรุก ด้าน “ช่อ พรรณิการ์” ผิดหวัง “ทูตรัศม์” แจงประเทศอื่นไม่แน่วแน่ ปล่อยเจรจาคนเดียว ลั่นการทูต ไม่ใช้วิธีเอเยนต์ ไทยมีศักดิ์ศรีพอเจรจาเองได้


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรแถลงภายหลังการประชุม ว่าที่ประชุมได้ข้อมูล โดยเรื่องแรก สมช. ได้มีการประชุมและมีหนังสือจากทางการจีน เพื่อขอตัวชาวอุยกูร์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 มกราคม จากนั้น สมช. ได้มีการประชุมและลงมติเมื่อวันที่ 17 มกราคม แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย ที่ได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการส่งตัวชาวอุยกูร์กับจีน ซึ่งหากไปดูตามไทม์ไลน์ การประชุมกรรมาธิการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังที่ประชุม สมช. มีมติไปแล้ว ซึ่งทำให้สงสัยว่าข้อมูล สมช. มาชี้แจงกับกรรมาธิการมีข้อมูลอย่างไร ซึ่งข้อมูล สมช. ไปให้กับกรรมาธิการต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากมติ สมช. แล้วทั้งนั้น

ทั้งนี้การประชุมของ สมช. ที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายคน อาทิ นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และยังมีรัฐมนตรีจากกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ซึ่งมองว่าก็เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการอยู่แล้ว


ขณะที่ในที่ประชุมกรรมาธิการได้สอบถาม เรื่องของเหตุผลการส่งตัวไปและไทยได้อะไรจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งข้อมูลที่ได้มายังไม่ชัดเจนว่าประเทศไทยได้ประโยชน์จากอะไร แต่กลายเป็นการพูดถึงเรื่องการคุมขังชาวอุยกูร์ที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาจเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ซ้อมทรมาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ยืนยันว่า การกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่าย ทำให้มีความเห็นแตกต่างกัน เพราะทาง สมช. มองว่าการให้อุยกูร์อยู่ในห้องคุมขังต่อเป็นการละเมิดสิทธิ แต่ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้เห็นเช่นนั้น

จากนั้นในที่ประชุมได้สอบถามเหตุผล ว่าเหตุใดไม่ส่งไปยังประเทศที่สาม ซึ่งเรื่องนี้ได้รับข้อมูลว่า ประเทศที่ 3 ไม่ได้มีความจริงจังที่จะต้องการรับชาวอุยกูร์ไปอยู่ด้วย และเมื่อพูดคุยในรายละเอียดก็ได้ทราบว่าประเทศไทยไม่เคยทำหนังสือไปยังประเทศที่3 เพื่อสอบถามซักครั้ง ไม่เคยทำหน้าที่เชิงรุกในการประสานงาน ซึ่งทางตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ยืนยันว่า ประเทศที่จริงจังที่สุดที่จะรับชาวอุยกูร์กลับไปก็คือประเทศจีน

นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ได้รับวันนี้ค่อนข้างชัดเจนเรื่องของประเทศที่ 3 ที่มีความพร้อมที่จะรับชาวอุยกูร์ทั้งหมดมากกว่า 1 ประเทศ แต่ทางการไทยไม่เคยตอบรับและทำหนังสือเพื่อยกระดับการพูดคุยในเรื่องนี้


ส่วนเรื่องของความปลอดภัย ที่ประชุมกรรมาธิการมีมติจะขอข้อมูลจากกล้องวงจรปิด CCTV อาทิ กล้องจากรถตำรวจ ที่นำอุยกูร์ไปสนามบิน
รวมถึงรายชื่อชาวอุยกูร์ทั้งหมด
พร้อมรูปถ่าย เพื่อมายืนยันว่าชาวอุยกูร์ ได้มีความสมัครใจกลับประเทศจีนจริงหรือไม่ และจะได้ทราบถึงอากัปกิริยาขณะเดินทาง

ด้านนางสาวพรรณิการ์ วานิช กล่าวเพิ่มเติม ว่า ที่ตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลไทยมีความพยายามเพียงพอหรือไม่ในการหา option เพิ่มเติมนอกจากการส่งกลับประเทศจีน และการกักขังแบบไม่มีที่สิ้นสุดในประเทศไทย ซึ่งในวันที่นายภูมิธรรมได้แถลง ในคืนวันที่ได้ปล่อยชาวอุยกูร์กลับประเทศไปแล้ว ใช้คำว่า ไม่มีประเทศใดเลยในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา ที่ติดต่อขอรับตัวชาวอุยกูร์ นอกจากประเทศจีน แต่ ณ วันนี้ปรากฏชัดเจนแล้วว่ามีประเทศที่ 3 พยายามติดต่อ โดยข้าราชการระดับกระทรวงการต่างประเทศ และระดับอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ที่ได้มีการชี้แจงกับกรรมาธิการกฎหมายฯ ว่ามีอย่างน้อย 3 ประเทศที่ติดต่อขอรับตัว แต่ตัวแทนของรัฐบาลมีการพยายามพูดว่า ไม่มีความจริงจัง ไม่มีความแน่วแน่จากประเทศที่3 เพราะไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งหลักการทางการทูต จะเริ่มต้นด้วยการติดต่อทางวาจา หากการติดต่อด้วยวาจาไม่ได้รับการตอบสนอง จะไม่มีการดำเนินการในขั้นต่อไป ในการทำหนังสือ ซึ่งตนเองได้ถามนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ว่าตกลงแล้ว รัฐบาลไทยเคยทำหนังสือหรือไม่ ในการพูดคุยกับประเทศอื่น เพราะอย่างน้อยมีประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะในแถลงการณ์ของกรรมาธิการต่างประเทศ ว่า สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐได้ระบุไว้ชัดเจนว่า สหรัฐอเมริกาเคยยื่นเงื่อนไขที่เป็นรูปธรรม ในการช่วยแก้ไขปัญหาอุยกูร์ และอยากให้รัฐบาลไทยช่วยพิจารณาข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมของสหรัฐ แต่ว่ารัฐบาลไทยได้ทำเอกสาร หรือหนังสืออย่างเป็นทางการ เพื่อยกระดับการเจรจาหรือไม่ แต่ทางผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็ยอมรับว่า ไทยเจรจาปากเปล่า ไม่เคยทำหนังสือใดๆ อย่างเป็นทางการ จึงเกิดการย้อนแย้งในตัว ว่าที่แท้จริงประเทศไทยก็ไม่ได้มีความจริงจังกับประเทศอื่น เพราะฉะนั้นในทางการทูต จะต้องมีการดำเนินการอย่างเท่ากันทั้งสองประเทศ

นางสาว พรรณิการ์ กล่าวว่า สิ่งที่ผิดหวังที่สุดในวันนี้ คือนายรัศม์ ระบุว่าหากประเทศอื่นมีความจริงจังจริง ควรเจรจากับประเทศจีน ไม่ใช่ให้ไทยเจรจาอยู่ประเทศเดียว ตนเองจึงได้ถามกลับว่า นี่เป็นคำพูดจากกระทรวงการต่างประเทศจริงหรือ ซึ่งคิดว่าการทูตของไทย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้ประเทศอื่นมาเป็นเอเยนต์ หรือเป็นตัวแทนเจรจากับจีน เพราะไทยมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากพอ ที่จะเจรจากับประเทศจีน

ทั้งนี้ นายรัศม์ ยืนยันหนักแน่นว่า ต้องเชื่อประเทศจีนเพราะประเทศเป็นประเทศมหาอำนาจ ซึ่งได้รับรองความปลอดภัยแล้ว แต่ว่า 10 ปีแล้ว พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยยอมรับกับสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจีน จะให้ความปลอดภัย ชาวอุยกูร์ 100 คน ในปี 2558 แต่คำถามคือ ณวันนี้ชาวอุยกูร์เหล่านั้นอยู่ที่ไหน รัฐบาลเคยติดตามตรวจสอบ ก่อนส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปก่อนหรือไม่ ซึ่งควรดูก่อนว่า ชาวอุยกูร์ที่ส่งกลับไปเมื่อ 10 ปี มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ก่อนตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ 40 คนไปอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ใช้ความเชื่อเพราะประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจ และจะรักษาคำพูด แต่นายรัศม์ กลับไม่ตอบคำถาม

นอกจากนี้เมื่อปี 2022 สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ เคยออกรายงานเป็นเล่ม ระบุว่า รัฐบาลจีน อาจกระทำการ อาชญากรรม ต่อมนุษยชาติ ต่อชาวอุยกูร์ และ ปี2023 ที่ประชุมสหประชาชาติ 51 ประเทศ นำโดยประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ในแนวทางเดียวกัน แต่รัฐบาลไทยประเทศจีนเลือก เลือกเชื่อประเทศจีนเพียงประเทศเดียว หรือแม้แต่การที่จะ ตามไปดูชาวอุยกูร์ที่มณฑลซินเจียง ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ จะสามารถติดตามดูตลอด1-10ปีหรือไม่ แต่กลับไม่ไปดูกว่า 100 คน ที่ส่งกลับไปตอนแรก เพราะนั่นจะเป็นเครื่องพิสูจน์

นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายคนที่เดินทางมาประชุมกรรมาธิการในวันนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ และไม่สามารถตัดสินใจในเชิงนโยบายได้ ในขณะที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ใหญ่ เพราะไปเกี่ยวข้องกับกฎหมายในประเทศและต่างประเทศ อาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติ อาจจะซวยไปด้วย ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ตนเองสังเกตสีหน้าเลขา สมช. เห็นได้ว่าตัวรัฐบาลไปยืนอยู่ข้างหลังผู้ปฏิบัติงานอย่าง สมช. ตนมองว่าไม่แฟร์ ขณะที่ทางตำรวจได้ส่งรองผบช.ตม. มาชี้แจงแทน ซึ่งก็ไม่ได้รับผิดชอบในเรื่องนี้ จึงแปลกใจว่าทาง สตช. ที่มีทั้งผบ.ตร.และรองผบ.ตร. โดยเฉพาะพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ที่เดินทางไปติดตามสถานการณ์แต่ไม่ยอมมาให้ข้อมูล จึงตั้งคำถามไปที่รัฐบาลว่าหากมั่นใจในกระบวนการเหตุใดจึงให้ข้าราชการประจำเป็นผู้ออกหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้บ่งชี้ชัดได้ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวผิดพลาด

เมื่อถามว่าเมื่อมีประเทศที่3 ขอตัวชาวอุยกูร์มาแล้ว แต่ไทยไม่ดำเนินการส่งตัวถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นางรังสิมันต์ ระบุว่า ถ้าเป็นหลักกฎหมายคงไม่ใช่ เป็นเรื่องของนโยบายมากกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเรามีทางเลือกที่มีประเทศที่3เสนอจะรับชาวอุยกูร์ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเคยส่งผู้ลี้ภัยที่อยู่ค่ายผู้อพยพทั้ง 9 ค่ายในไทยไปยังประเทศที่3 เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเทียบกันชาวอุยกูร์ 40 คน ถือว่าน้อยมาก ซึ่งไทยไม่เคยส่งสัญญาณว่าไทยจะเลือกทางเลือกแบบนี้ และการไปบอกว่าประเทศอื่นไม่มีความจริงใจมองว่าแบบนี้เป็นการหาเรื่องประเทศอื่น เป็นชักศึกเข้าบ้าน ทั้งที่ประเทศอื่นก็ไม่ได้มีความผิดอะไร

เมื่อถามต่อว่าเลขา สมช. ได้เดินทางไปส่งชาวอุยกูร์ถึงประเทศจีน ได้เปิดเผยหรือไม่ว่าเหตุใดต้องรอให้ทางการจีนออกมาเปิดเผยก่อนประเทศไทย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ในประชุมได้มีการซักถามแต่ไม่ได้รายละเอียดที่ชัดเจน คราวๆ คือความตั้งใจของรัฐบาลไทยอยู่แล้ว จึงเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ แต่มีข้อบ่งชี้ว่าความจริงแล้วทางการไทยต้องการให้เป็นการ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

มติวุฒิสภาเดินหน้าโหวตองค์กรอิสระ-สว.เสียงข้างน้อย วอล์กเอาต์วุ่น

รัฐสภา 30 พ.ค.- ตามคาด! “วุฒิสภา” เดินหน้าโหวตตั้งองค์กรอิสระ-ตุลาการศาล รธน. แม้ยอมให้ถกญัตติชะลอนานกว่า 3 ชั่วโมง ด้าน สว.เสียงข้างน้อย วอล์กเอาต์ไม่ขอร่วมสังฆกรรม พร้อมให้เหตุผลขัดกันแห่งผลประโยชน์ สว.กว่า 100 คนถูกกล่าวหาฮั้ว ขู่หากเดินหน้าเสี่ยงถูกร้องจริยธรรม ขณะที่ “ฉัตรวรรษ” โต้ ยังเป็น สว. ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อ ซัด “ดีเอสไอ” ดำเนินการโดยมิชอบ การประชุมวุฒิสภาวันนี้มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าในการระเบียบวาระเรื่องการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561) ซึ่งเป็นการประชุมลับ ขอให้สว.ใช้บัตรลงคะแนนของตัวเอง ไม่สามารถออกเสียงด้วยวาจาแทนได้ แต่ขอหารือหยิบยกเรื่องด่วนที่ 5.ขึ้นมาพิจารณาก่อน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องและมีผลต่อการพิจารณาเรื่องให้ความเห็นชอบ คือเรื่องด่วนชอให้ ชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จนกว่ามีคำตัดสินในคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องขณะนี้ ที่เสนอโดยนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย นายเทวฤทธิ์ กล่าวว่าต้องขอบคุณสมาชิกและวิปวุฒิที่ใจกว้างให้เลื่อนญัตตินี้ขึ้นมา และระบุว่าตนเข้าใจและเห็นใจเพื่อนสว.ทุกคนที่โดนเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา โดยเห็นกระบวนการไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น […]

กกต.ออกหมายเรียกอีก 22 สว. แจงคดีฮั้ว

กทม. 30 พ.ค.- หมายเรียก สว.ฮั้ว ลอต 5 ออกแล้ว คณะกรรมการสืบสวนฯ กกต. เรียกอีก 22 สว.แจง รวมเรียกทั้งหมด 127 คน มีรายงานแจ้งว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เรียกสมาชิกวุฒิสภา เข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 22 คน กรณีถูกกล่าวหาว่าอาจพัวพันกับกระบวนการฮั้วเลือก สว. ประกอบด้วย 1.นางจุฑารัตน์ นิลเปรม 2.นางเจียระไน ตั้งกีรติ 3.นางมยุรี โพธิแสน 4.น.ส.จารุณี ฤกษ์ปราณี 5.น.ส.สุกัญญา ประจวบเหมาะ 6. นายกิตติพันธ์ อนันตกูลจิรโชติ 7.นายธนภัทร ตวงวิไล 8.น.ส.ภาวนา ว่องอมรนิธิ 9.นายกัมพล สุภาแพ่ง 10.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ 11.นายอัครวินท์ ขำขุด 12.นางธารณี ปรีดาสันติ์ 13.นางรจนา เพิ่มพูน […]

ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาชายแดน

กองทัพบก 30 พ.ค.-ทบ.แถลงการณ์ “กองทัพบกไทย-กัมพูชา” ยึด 4 ข้อแก้ปัญหาพิพาทชายแดน ยันทหาร 2 ฝ่ายถอนกำลังจากจุดปะทะช่องบกแล้ว วอนประชาชนรับฟังข้อมูลสื่อหลัก ขอเชื่อมั่นทหารปกป้องอธิปไตยทุกตารางนิ้ว กองทัพบก ออกหนังสือแถลงการณ์ผลการเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทย – ผบ.ทบ.กัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 1.ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียกำลังพลจากเหตุการณ์ปะทะ และเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของทั้งสองประเทศ ที่ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนการพูดคุยเจรจาด้วยสันติวิธีในการหาข้อตกลงร่วมกัน และขอยืนยันว่าจะไม่มีการรุกรานอธิปไตยหรือการหยิบยกประเด็นข้อขัดแย้งในอธิปไตยของกัมพูชาโดยเด็ดขาด การเจรจาครั้งนี้จะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ 2.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทยและกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ โดยปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้ตกลงที่จะเคลื่อนออกจากพื้นที่ ถือเป็นการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นพ้องในการใช้กลไกคณะกรรมการร่วมมือรักษาความ สงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน หรือ Reqional Border Committee (RBC) เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่อาจค้างคา และส่งเสริมกลไก JBC ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น […]

ทบ.จ่อออกแถลงการณ์ห้ามทหารกัมพูชาเข้าใช้พื้นที่เนิน 745

กองทัพบก 30 พ.ค.- ทบ. เตรียมออกแถลงการณ์จุดปะทะช่องบก ไม่ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาใช้พื้นที่เนิน 745 – ต้นสัตบรรณ ถึงสามแยกลาว เล็งพูดคุยจัดชุดลาดตระเวนร่วม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พิธีไถ่ชีวิตกระบือ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระราชินี 3 มิ.ย. โดยในวันนี้ กองทัพบกเตรียมออกแถลงการณ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างเป็นทางการ ภายหลังวานนี้ (29 พ.ค.) พล.อ.พนา ได้หารือกับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และคณะฝ่ายกัมพูชา ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน กรณีเกิดเหตุปะทะช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี จนได้ข้อสรุป 3 ข้อ 1.กรณีข้อขัดแย้งบริเวณช่องบก กองทัพบกไทย และกัมพูชา มีความเห็นร่วมกันในการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ซึ่งเป็นกลไกในระดับรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งผลการประชุม JBC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 สัปดาห์ 2.ปัจจุบันกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยปะทะได้เคลื่อนออกจากพื้นที่แล้ว […]