รวบขบวนการจีนดำปลอมบัตรเถื่อน พบมีหมายแดงติดตัว

6 มี.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง รวบขบวนการจีนดำ ปลอมบัตรเถื่อน พบมีหมายแดงติดตัวหลอกคนจีนเป็นหมื่นล้าน มาทำซ้ำในประเทศไทย ปลอมบัตรประชาชนเปิดบริษัทรับฟอกเงินให้เมียวดี และปอยเปต


พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. ได้ร่วมแถลงจับกุมนายลี และพวก ร่วมกันปลอมแปลงบัตรประชาชน ชี้เป้ารีดเงิน เสียหายหลายหมื่นล้านบาท จับกุมผู้ต้องหา 6 ราย คือ
1.นายลี สัญชาติจีน อายุ 43 ปี
2.นางเอ้ สัญชาติเมียนมา อายุ 30 ปี
ส่วนผู้ต้องหา 4 ราย สัญชาติไทย อยู่ระหว่างจำคุกในคดีอื่น

พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ ระบุว่า เริ่มต้นจากมีผู้เสียหายคนจีน ถูกตำรวจยึดทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี เข้ามาแจ้งความที่กองปราบ / ผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อช่วงประมาณเดือน พ.ย.65 ผู้เสียหายได้เข้าไปในกลุ่ม Facebook ของคนจีน ในนั้นมีโพสต์ระบุว่า “สามารถทำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเอกสารอื่นๆ ของคนไทยได้ ให้คนจีนได้อย่างถูกต้อง คิดค่าดำเนินการ 1 ล้านบาท” ผู้เสียหายเห็นว่าทำได้จริง ก็ได้พูดคุยผ่านแชท จนมีการนัดหมายกันไปทำบัตรประชาชนที่เทศบาลแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ในวันนัดหมายทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหาได้เดินทางไปที่เทศบาลตั้งแต่เช้า ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง ทั้งรอคิว ถ่ายรูป แต่ไม่มีการกรอกเอกสารอะไร จนแล้วเสร็จตอนเที่ยง ก็ได้บัตร ปชช.ออกมา จากนั้นก็ได้จ่ายค่าดำเนินการให้กับผู้ต้องหาจำนวน 1 ล้านบาท หลังจากที่ได้บัตรประชาชนมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเอาบัตรประชาชนไปทำพาสปอร์ต ผู้ต้องหามีการพาผู้เสียหายไปที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ พอไปถึงมีนายหน้าคนไทยพาไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ และในระหว่างที่รอทำบัตรพาสปอร์ตก็มีตำรวจ ตม. 3 นาย แสดงตัวเข้าควบคุมตัวผู้เสียหายและขอตรวจค้น และพบว่ามีบัตรประชาชนปลอม จากนั้นมีการพาตัวเข้าไปในที่ทำการของเจ้าหน้าที่ ตม. และเรียกเงินจำนวน 5 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท เป็นอันตกลงกันที่เงินจำนวนนี้


จากนั้นทางผู้ต้องหาได้มีการนำ QR Code ที่อยู่ในโทรศัพท์ให้ผู้เสียหายสแกนจ่ายเป็นเงิน USDT หรือเงินคริปโทเคอร์เรนซี จากนั้นเงินก็ไหลเข้ากระเป๋า wallet และก็ถูกโอนต่อไปอีกทอดหนึ่ง จากนั้นผู้เสียหายได้ถูกปล่อยตัวออกมากลางดึกของวันนั้น ผู้เสียหายเกิดความกลัวเลยเก็บเรื่องนี้ไว้นานนับปี จนกระทั่งมีคนแนะนำให้มาแจ้งความที่กองปราบฯ ทาง กก.3 ได้มีการสืบสวนเคสดังกล่าวพบว่า มีกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุอยู่หลายกลุ่ม และมีการทำเป็นกระบวนการ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย ในการทำ บัตร ปชช.จะมีการสวมเลขบัตรของคนไทยในจังหวัดที่ห่างไกล จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของเลขบัตรประชาชนมีตัวตนอยู่จริง มีอาชีพทำไร่ ทำนา อยู่ต่างจังหวัด

ในขบวนการพบว่ามีการก่อเหตุหลายคน มีทั้งคนชี้เป้า มีคนค้นข้อมูลของผู้เสียหาย กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รีดเอาทรัพย์ และยังพบเส้นทางการเงินว่ามีการโอนเงินต่อหลายทอด โอนไปที่บริษัทนอมินี ที่มีเจ้าของเป็นคนสัญชาติจีน มีกรรมการผู้ถือหุ้นเป็นคนไทย จากการตรวจสอบพบว่า กรรมการผู้ถือหุ้นไม่มีส่วนในการบริหารจัดการในบริษัทเลย ทำไร่ ทำนา และได้รับเงินค่าจ้างเป็นรายเดือน 10,000-20,000 บาท บริษัทนี้เชื่อว่าเป็นบริษัทที่รับฟอกเงินกับธุรกิจผิดกฎหมาย เนื่องจากบริษัทนี้จะรับเงินจากหลายที่และแปลงเป็นคริปโทเคอร์เรนซี และมีการรับเงินที่โอนมาจากแม่สอด ใกล้กับเมียวดี และปอยเปต ประเทศเพื่อนบ้านด้วย มีการโอนเงินมาหลายล้านบาท ส่วนตรงนี้ต้องขยายผลต่อเพิ่มเติม

นอกจากนี้ตัวนายลี ได้หลบหนีเข้ามายังประเทศไทย เพราะได้มีการฉ้อโกงในประเทศจีนกว่า 3,000 ล้านหยวน หรือเป็นเงินไทยกว่า 14,000 ล้านบาท ลงมือก่อเหตุในปี 2562 และหนีเข้าไทยในปี 2564 ในวีซ่านักท่องเที่ยว หลังจากนั้นก็ได้มีการสวมบัตรหัว 0 ซึ่งเป็นคนที่อยู่ตะเข็บชายแดน ทำไร่ทำนา และไม่ได้แจ้งเกิด ไม่มีสถานะทางทะเบียน รับรองการเกิดโดยผู้นำชุมชน หรือผู้ใหญ่บ้าน นายลีและภรรยาซื้อบัตรหัว 0 มาในราคา 60,000 บาท พอซื้อบัตรได้สัญชาติไทย เขาก็มีสิทธิ์เหมือนคนไทย สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ ได้รับการรักษาเหมือนคนไทยทุกอย่าง และย้ายไปอยู่ที่ศรีราชา มีบ้าน มีรถ ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนไทยทั่วไป จากนั้นเขายังเปิดบริษัทร่วมกับนอมินีคนไทย ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ มีนายหน้ารับจดทะเบียนบริษัทให้ มีการระบุที่ตั้งของบริษัทชัดเจน แต่เมื่อไปตรวจสอบพบว่าไม่มีการดำเนินกิจการอยู่จริง ไม่มีที่ตั้งบริษัท ไม่มีพนักงาน และยังพบอีกว่าที่ตั้งบริษัทนั้นเป็นที่ตั้งอีก 14 บริษัท คนที่เป็นหุ้นส่วนก็เป็นชื่อซ้ำๆ ของคนไทย ตำรวจได้สุ่มเรียกชื่อของหุ้นส่วนบริษัทมา 5 ที่ ทุกคนยอมรับว่าไม่ได้เป็นหุ้นส่วนจริง เป็นเพียงผู้ถูกว่าจ้างให้มาเปิดบริษัทเท่านั้น และเชื่อว่าถ้าขยายผลต่อไปจะเจออีกกว่า 100 บริษัทที่เป็นลักษณะเดียวกัน


กก.3 ได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานจนสามารถออกหมายจับ 6 หมาย จากการตรวจค้น 11 จุดใน 7 จังหวัดทั่วประเทศ พบบุคคลตามหมายจับ 2 ราย คือ นายลี และนางเอ้ ภรรยา ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกดำเนินคดีในข้อหา กรรโชกทรัพย์ ซ้ำเดิม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว ในการอุ้มรีดคนจีนที่มีบัตรประชาชนปลอม เชื่อได้ว่ามีการทำเป็นขบวนการ จากการสอบยังพบอีกว่า ในบริษัทที่มีคนไทยเป็นนอมินี ใน 1 ปีที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนกว่า 400-500 ล้านบาท ส่วนนี้ต้องขยายผลต่อ และเร็วๆ นี้จะมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 18 หมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีกบ้าง. -420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ถก สมช. ชี้รัฐบาล-กองทัพ ไร้ปัญหา ทำงานเป็นเอกภาพ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.-นายกฯ ถก สมช.แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้รัฐบาลกับกองทัพ เคลียร์อำนาจหน้าที่แล้วไร้ปัญหา ย้ำ ทำงานเป็นเอกภาพ รักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศ พร้อมรับทุกสถานการณ์ ยึดสันติวิธี บอกมอบหน้างานประเมินหากต้องปะทะ ทุกอย่างยังโอเค ยืนยันรัฐบาลทำงานไม่ช้า กำชับ ก.ดีอี ดูเนื้อหาปลุกปั่นหวั่นขยายขัดแย้ง ด้าน ผบ.ทสส. ลั่น กองทัพพร้อมหนุนรัฐบาล แจงประชุมเหล่าทัพไม่เชิญสื่อ ขอทำงานมืออาชีพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้มีการพูดคุยถึงมาตรการต่างๆ ในการรับมือสถานการณ์ หลังจากเมื่อวานนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปคุยกับทีมกัมพูชา ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้สถานการณ์ยังโอเคอยู่ และยืนยันว่า ทุกหน่วย ทุกฝ่ายทั้งกองทัพและรัฐบาลมีการปรึกษากันตลอดก่อนที่จะดำเนินการใดใด อำนาจไหนที่เป็นของใคร และทุกคนทราบในอำนาจของตัวเองเป็นอย่างดี และวันนี้สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมด ซึ่งวันนี้ ได้คุยกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี […]

คปท.รวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงจุดยืนกรณีพิพาทพรมแดน

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชูธงชาติไทย-ป้ายสัญลักษณ์ หน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงเจตจำนงปกป้องประเทศชาติ กรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเคลื่อนไหวจากกรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างประดับประดาด้วยธงชาติ และชูป้ายสัญลักษณ์ข้อความแสดงอุดมการณ์เจตนารมณ์ถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้นำรถขยายเสียงมาพูดปราศรัยแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องประเทศชาติในช่วงสถานการณ์พิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา เปิดกระจกออกมาเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพการชุมนุมเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ทาง สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมวด ประมาณ 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา พร้อมนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ม็อบเข้าประชิดติดตัวกำแพงสถานเอกอัครราชทูต เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะส่งผลต่อความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.-414-สำนักข่าวไทย

โคราชพบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19

นครราชสีมา 6 มิ.ย. – จ.นครราชสีมา พบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19 เจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 เผยตัวเลขเก็บศพโควิด เดือนนี้ 8 ราย ส่วนยอดติดเชื้อวันที่ 4 มิถุนายน 68 วันเดียวเพิ่ม 2 หมื่นคน นายชัยสิทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิพุทธธรรมฮุก 31 โพสต์ภาพลงในโซเชียล ขณะอาสากู้ภัย “ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษ COVID-19 มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา หรือ ฮุก 31” กำลังช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จากโรงพยาบาล ไปฌาปนกิจ พร้อมข้อความเตือน “ระวังกันนะครับ ให้ระวังกัน เพราะช่วงนี้ติดเชื้อกันเยอะ คนที่ไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว ไม่เกี่ยงอายุ วันนี้ มีตั้งแต่ไม่กี่ขวบ จนถึงสูงอายุ ทีมงานฮุก 31 บ้านหลังสุดท้าย ทุกๆ เขตรับผิดชอบ เริ่มมีภารกิจถี่ขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. […]

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]