กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – “พิธา” บอกไม่รู้ “วิษณุ” ใช้ตรรกะอะไร มองปมหุ้นไอทีวี หากอุบัติเหตุการเมืองทำเลือกตั้งซ่อมทั่วประเทศ ขออย่าตีตนไปก่อนไข้ ยันชี้แจงได้ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร พร้อมแจงตั้งคณะทำงานตาม MOU เป็นการตั้งปัญหาของประชาชน ปัดเป็น ครม.เงา
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงนายพิธา หากขาดคุณสมบัติตามกฎหมาย ปมถือหุ้นไอทีวี ก็อาจจะส่งผลให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศ ว่า ยังไม่ได้ดูรายละเอียดถึงตรรกะที่นายวิษณุได้กล่าวถึง แต่ทางฝั่งของพรรคก้าวไกลได้เตรียมการรองรับสถานการณ์ไว้หลายรูปแบบ และพร้อมชี้แจงในทุกรูปแบบที่จะออกมา แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ยังมีเวลาในการชี้แจง และคำร้องก็ยังไม่ได้เห็นในรายละเอียด ก็เห็นว่าน่าจะขึ้นอยู่กับคำร้องของผู้ยื่นร้อง
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปฏิเสธข้อเท็จจริงกรณีที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. วิพากษ์วิจารณ์การตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลของพรรคร่วมรัฐบาล และมองว่าเป็นการเรียกมวลชนเข้ามาปกป้องพรรคก้าวไกล และเป็นการกดดัน ส.ว. ที่จะร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี แต่ชี้แจงว่าด้วยเพราะประชาชนไม่สามารถที่จะทนรอความเดือดร้อนในขณะนี้ได้ อย่างเช่น ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ จะไม่มีมาตรการในการพยุงราคาดีเซลขึ้น และรัฐบาลชุดใหม่จะต้องมาจัดการ เป็นสิ่งที่ประชาชนรอไม่ได้ ไม่ใช่พรรคการเมืองรอไม่ได้
“ส่วนการทำทรานซิชันทีม หากดูการเมืองทั่วไปในต่างประเทศ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ลองค้นหาดูได้ว่า การเปลี่ยนผ่านอำนาจของรัฐบาลต่อรัฐบาลในหลายประเทศในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องปกติมาก” นายพิธา กล่าว
นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีข้อสังเกตว่า การตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็น ครม.เงา หรือไม่ ว่า หากคำถามนี้เป็นความจริง การตั้งคณะทำงานและคณะกรรมการเมื่อวานนี้จะต้องมีการตั้งตามกระทรวง แต่เป็นการตั้งตาม MOU ปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง โดยแสดงถึงความตั้งใจว่าไม่ได้มีการตั้งคณะทำงานตามกระทรวงที่มีอยู่ แต่เป็นการตั้งตามปัญหาของประชาชน ซึ่งในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จะต้องบูรณาการหลายกระทรวง อย่างเช่นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้ง ก็ต้องร่วมงานกัน 4-5 กระทรวง
ทั้งนี้ หลังจากพรรคก้าวไกลเข้าพบสภาหอการค้าไทยแล้ว นายพิธาจะเดินสายพบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในวันพรุ่งนี้ (1 มิ.ย.66) จากนั้นสัปดาห์หน้าจะหารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หารือแนวทางในการทำงานร่วมกัน. – สำนักข่าวไทย