17 ก.พ. – ผู้ประสบภัยไทยในตุรกีที่เดินทางกลับไทย ทยอยกลับภูมิลำเนาเกือบทั้งหมดแล้ว แม้ร่างกายจะแข็งแรง แต่พบว่ามีบางคนที่ต้องติดตามเรื่องสภาพจิตใจ เพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้ประสบภัยชาวไทยในตุรกี พร้อมกระเป๋าเดินทางทยอยออกจากอาคาร Quarantine Center กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และกักกันโรค กรมควบคุมโรค ที่ใช้เป็นที่พักเมื่อคืนนี้ หลังเดินทางกลับจากตุรกี 36 คน ในจำนวนนี้มี 1 คน ปวดหลัง จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ภูมิพล ส่วนที่เหลือพบว่ามีสุขภาพแข็งแรงดี ทุกคนผ่านการคัดกรองโรคที่ด่านควบคุมโรค สนามบินสุวรรณภูมิ ตรวจคัดกรองทั้งตรวจโควิด-19 และจะติดตามเฝ้าระวังโรคประจำถิ่นจากแถบตะวันออกกลาง เช่น ลิชมาเนีย วัณโรค และหัด
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยคนไทย และได้มอบชุดเวชภัณฑ์และของใช้ที่จำเป็น พร้อมกล่าวว่า ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่ยังมีอาการตกใจอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมสุขภาพจิตเข้ามาพูดคุยและจะติดตามเพื่อดูแลสภาพจิตใจ พร้อมประสานกับเจ้าหน้าที่ในการจัดส่งผู้ประสบภัยต่อไปยังรถโดยสารกลับภูมิลำเนาต่อไป หากกรณีที่ไม่มีญาติมารับ ซึ่งวันนี้ทราบว่าผู้ประสบภัยส่วนใหญ่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเกือบทั้งหมดเหลือเพียง 1 คนที่อยู่ระหว่างประสานญาติรับกลับ
จากการพูดคุยกับผู้ประสบภัยหลายคน พบว่าคนไทยที่ไปอยู่ตุรกีกระจายอยู่หลายจังหวัด ทั้งนักศึกษาที่ไปเรียนมหาวิทยาลัย หากทำงาน เช่น ร้านสปา ร้านนวด และมีไม่น้อยที่แต่งงานกับสามีตุรกี และย้ายไปอยู่
หญิงคนนี้เป็นชาวกรุงเทพ กลับมาพร้อมลูกสาววัย 2 ขวบครึ่ง เด็กที่สุดในเที่ยวบินเมื่อคืนนี้ แต่สามีไม่ได้กลับมาด้วย เพราะต้องทำธุรกิจที่วตุรกี เธอเล่าว่า ตกใจมากไม่เคยเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหว หลังไปใช้ชีวิตที่ตุรกีได้ประมาณ 2 ปี อาศัยในอพาร์ตเมนต์ชั้น 4 ช่วงเกิดเหตุรีบวิ่งออกมาชั้นล่าง อุ้มลูกสาว ของใช้ลูก และพาสปอร์ตเท่านั้น หลังเกิดเหตุอาคารที่อยู่แม้ไม่ได้ถล่มลงมา แต่ก็มีรอยร้าว และจนถึงวันนี้ก็ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกอยู่ จึงขอกลับเมืองไทยก่อนเพราะห่วงความปลอดภัยของลูก. – สำนักข่าวไทย