กรุงเทพฯ 28 ธ.ค.- กลุ่มเอกชนได้เฮ! ค่าไฟฟ้าได้ลดเพิ่มจากประมาณการเดิมอีก 35 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งปรับการบริหารจัดการเชื้อเพลิง และ กฟผ.ยอมให้ผ่อนชำระหนี้ค่าไฟฟ้าจาก 2 ปี เป็น 3 ปี ด้าน กกพ.บี้ ปตท.ต่อ ขอเงิน ผิดสัญญาการผลิตของเชฟรอน แหล่งเอราวัณ 4-5 พันล้านบาท มาลดค่าไฟแบบขั้นบันไดเพิ่ม
หลังจากนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ออกมาเผยว่า จะมีการทบทวนสำหรับค่าไฟฟ้างวดแรกปี 1/2566 (ม.ค. – เม.ย.) สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ (ที่ไม่ใช่บ้านอยู่อาศัย) โดยจะปรับลดลงจากเดิมที่ไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) กลุ่มนี้จะมีการเรียกเก็บ 190.44 สตางค์/หน่วย
ในวันนี้ (28 ธ.ค.) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้พิจารณาและมีมติปรับลดลง 35.52 สตางค์ต่อหน่วย จาก 190.44 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 154.92 สตางค์ต่อหน่วย (ปรับเพิ่มจากงวดนี้ราว 61.49 สตางค์ต่อหน่วย) ทำให้เมื่อรวมกับค่าไฟฐานแล้ว ค่าไฟเฉลี่ยกลุ่มนี้ลดลงเหลือประมาณ 5.33 บาทต่อหน่วย ส่วนค่าไฟฟ้ากลุ่มบ้านที่อยู่อาศัยยังคงเดิมที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานแล้วค่าไฟเฉลี่ยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ในระดับเท่าเดิมที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย
แหล่งข่าวจากสำนักงาน กกพ.ระบุว่า สาเหตุที่ลดค่าไฟฟ้าครั้งนี้ได้ เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) ยอมเลื่อนการคืนหนี้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ออกให้ประชาชนไปก่อน 1.6 แสนล้านบาท เดิมขอให้ชำระหนี้ภายใน 2 ปี เลื่อนเป็น 3 ปี ทำให้ต้นทุนส่วนนี้ลดลงจากงวดนี้ 33 สตางค์ เหลือ 22 สตางค์ต่อหน่วย และมีการปรับสูตรคำนวณราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ จากแนวโน้มเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จึงลดอัตราคำนวณจากราว 37 บาท เหลือ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลต้นทุนราคาก๊าซฯ เหลือ 466 บาทต่อล้านบีทียู จากอัตราเดิมอยู่ที่ 506 บาท/ล้านบีทียู และอีกส่วนหนึ่งมาจากการนำก๊าซในอ่าวไทย แบ่งมาใช้คำนวณในระบบแก่กลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีการนำก๊าซฯ อ่าวไทย ไปคำนวณเฉพาะการใช้ผลิตไฟฟ้าให้กับกลุ่มบ้านที่อยู่อาศัยเท่านั้น
ส่วนไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง และครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 500 หน่วยต่อเดือน ทาง กกพ.คำนวณตัวเลขว่าหากยังมีการให้ส่วนลดแบบขั้นบันได เหมือนกับงวดค่าไฟฟ้าในปัจจุบันแล้ว จะต้องใช้วงเงินมาดูแลรวม 9 พันล้านบาท โดยในส่วนนี้จะมาจากการเกลี่ยก๊าซฯ ของ ปตท.ราว 6 พันล้านบาท ซึ่งวงเงินอีก 3 พันล้านบาทกำลังพิจารณาว่าจะมาจากส่วนใด โดย กกพ. เสนอแนะว่า น่าจะมาจากเงิน SHORT FALL ที่ ปตท.ได้รับจาก เชฟรอนฯ ช่วงการเปลี่ยนผ่านผู้ดำเนินการแหล่งเอราวัณจากระบบสัมปทานเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต ซึ่งเชฟรอนผลิตก๊าซได้ต่ำกว่าสัญญา จึงต้องจ่ายค่าปรับแก่ ปตท. 4-5 พันล้านบาท โดย กกพ.เห็นว่า ปตท.ควรคืนในส่วนนี้เพื่อนำมาเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้า
“ในส่วนของค่าไฟฟ้าบ้านที่ต่ำกว่าเอกชนและกลุ่มอื่นๆ ก็เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 43(2) และ มาตรา 57 (2) กำหนดไว้ชัดทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ต้องจัดสรรแก่ประชาชนและชุมชนก่อน ดังนั้น ก๊าซอ่าวไทย ที่ราคา 6-7 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู จึงนำมาใช้คำนวณให้กลุ่มบ้านค่าไฟจึงถูกกว่าเอกชนและกลุ่มอื่นๆ ซึ่งกลุ่มเอกชนที่ผ่านมาก็ได้รับประโยชน์จากค่าไฟฟ้าที่ลดลงเอฟที ติดลบ 15.32 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อปี 64 ในส่วนนี้ก็ไม่เคยลดราคาสินค้าให้กับประชาชนแต่อย่างใด และส่วนที่ระบุว่าค่าไฟฟ้าเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 2 บาท/หน่วย ก็อยากให้ไปดูข้อเท็จจริงว่า มีค่าไฟฟ้าอัตรานี้จริงหรือไม่ ” รายงานข่าวจาก สกพ.ระบุ .-สำนักข่าวไทย