fbpx

เคลื่อนย้ายลูกช้างหลงโขลงขึ้น ฮ. ถึงบึงฉวาก ปลอดภัย

สุพรรณบุรี 3 ธ.ค. – รมว. ทส. สั่งกรมอุทยานฯ เคลื่อนย้ายลูกช้างหลงโขลงที่พบในอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี โดยประสานขอใช้เฮลิคอปเตอร์ของทหาร เพื่อนำลูกช้างมาอนุบาลและฟื้นฟูสุขภาพที่ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวากอย่างเร่งด่วนเนื่องจากมีภาวะติดเชื้อ อยู่ในสภาพอ่อนแรงมาก ขาดน้ำรุนแรง และมีบาดแผลหลายแห่ง โดยเฮลิคอปเตอร์นำลูกช้างถึงจังหวัดสุพรรณบุรีได้อย่างปลอดภัย


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว. ทส.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเคลื่อนย้ายลูกช้างป่าหลงโขลงซึ่งพบในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ต. เขาโจด อ. ศรีสวัสดิ์ จ. กาญจนบุรี ให้นำมาอนุบาลและรักษาในพื้นที่เหมาะสม โดยเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปช่วยเหลือลูกช้างบริเวณที่ได้รับแจ้งจากพระธุดงค์ในพื้นที่ว่า พบลูกช้างป่าพลัดหลงตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. แต่พิจารณาแล้วเห็นว่า บริเวณที่พบไม่เหมาะสมที่จะดูแลลูกช้างป้าเนื่องจากการเข้าออกลำบาก ต้องเดินทางขึ้นเขาชัน ข้ามลำห้วยและป่ารกทึบ ทางเดินแคบและลื่นเพราะฝนตกเป็นระยะๆ ไม่สามารถใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ อีกทั้งไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ หากเกิดเหตุกรณีฉุกเฉินเกี่ยวกับลูกช้างและทีมเจ้าหน้าที่จะอันตรายมาก เนื่องจากไม่สะดวกทั้งการเดินทาง และติดต่อสื่อสาร

รมว. ทส. กล่าวว่า นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งได้ทราบข่าวการพบลูกช้างป่าพลัดหลง มีความห่วงใยเป็นอย่างมาก จึงได้ประสานงานเพื่อให้เคลื่อนย้ายมาในที่ปลอดภัย โดย รมว.ทส. ได้ประสานไปยังกองทัพบกซึ่งได้นำเฮลิคอปเตอร์มาช่วยเคลื่อนย้าย


ทั้งนี้ ปฏิบัติการช่วยเหลือลูกช้างป่าพลัดหลงบริเวณอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์วันนี้เริ่มขึ้นในเวลา 08.00 น. เฮลิคอปเตอร์ทหารภายใต้การกำกับการของ พลตรี วุทธยา จันทมาศ ผบ.กกล. สุรสีห์ ยกตัวเคลื่อนย้ายลูกช้างลูกช้างป่าโดยให้อยู่บริเวณห้องโดยสารของเฮลิคอปเตอร์ มีสัตวแพทย์ 3 คนควบคุมการเคลื่อนย้ายบนเฮลิคอปเตอร์ ใช้เวลาบินประมาณ 30 นาที มาลงที่โรงเรียนวัดคอกช้าง ต.องค์พระ อ. ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี เวลา 10.00 น. อย่างปลอดภัย จากนั้นเคลื่อนย้ายลูกช้างโดยรถบรรทุกขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นรถย้ายสัตว์ป่าโดยเฉาะซึ่งมีตู้ควบคุมอุณหภูมิและอุปกรณ์กู้ชีพเบื้องต้น เดินทางโดยรถยนต์ระยะ 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อนำลูกช้างไปรักษาที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก จ. สุพรรณบุรี โดยนางสาวกัญจนาได้ประสานงานให้เตรียมพื้นที่อาคารอเนกประสงค์เป็นที่พักรักษาตัวซึ่งเจ้าหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคเรียบร้อย มีความพร้อมด้านยาและอุปกรณ์การแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกำลังวางแผนการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพลูกช้างอย่างเร่งด่วน

นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เกี่ยวกับลูกช้างพลัดหลงว่า เป็นเพศเมีย น้ำหนักโดยประมาณ 130-150 กิโลกรัม วัดขนาดลำตัว ยาว 117 เซนติเมตร สูง 89 เซนติเมตร และกว้าง 49 เซนติเมตร ในการส่งสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ประเมินอาการว่ามีภาวะติดเชื้อ อ่อนแรงมาก ขาดน้ำรุนแรง ถ่ายเหลว มีเยื่อเมือกซีด พบแผลหลุมในช่องปาก มีแมลงวันวางไข่ที่แผลบริเวณปลายริมฝีปากล่างและใบหู รวมถึงมีรอยขีดข่วนบริเวณลำตัว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้สร้างคอกไม้ไผ่ขนาดเล็ก เพื่อสังเกตว่าจะมีโขลงช้างป่ามารับลูกช้างพลัดหลงตัวนี้หรือไม่ ปรากฏว่ายังไม่พบแต่อย่างใด

สัตวแพทย์ให้นมผงชนิดเอนฟาแลคผสมยาขับลมไกรวิเตอร์ทุก 1 ชั่วโมงและให้สารน้ำเข้าหลอดเลือดดำ ป้อนเกลือแร่ ให้วิตามินบำรุงแบบฉีด ให้ยากำจัดปรสิตภายในและภายนอก ให้ความอบอุ่นแก่ลูกสัตว์โดยการก่อไฟ ห่มผ้าห่มในช่วงเวลากลางคืนและช่วงเช้า


เมื่อประเมินแล้วว่า สภาพพื้นที่ที่พบลูกช้างไม่เหมาะสมในการดูแลรักษาจึงเห็นว่าควรนำมาดูแลรักษาเบื้องต้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เนื่องจากมีทีมสัตวแพทย์จาก สบอ.3 (บ้านโป่ง ) สัตวแพทย์จากส่วนกลางกรมอุทยานฯ และ สัตวแพทย์ประจำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก ยารักษา และอุปกรณ์ที่มีความพร้อม สะดวกในการเดินทาง และระยะทางการเคลื่อนย้ายใกล้กว่าพื้นที่อื่นๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพสัตว์

สำหรับลูกช้างพลัดหลงตัวดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อว่า “ธันวา” ตามเดือนที่ปฏิบัติการช่วยเหลือ พร้อมยืนยันว่า จะดูแลรักษาอย่างดีที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง