ปฏิบัติการไทเทเนียม ดีเอสไอยึดรถหรู 26 คัน ถูกโจรกรรมมาจากอังกฤษ

กทม. 19 ก.ย. – ดีเอสไอยึดรถยนต์หรูหลายยี่ห้อ จำนวน 26 คัน ที่ถูกโจรกรรมมาจากอังกฤษ จากทั้งหมดที่ถูกโจรกรรมมา 35 คัน เตรียมดำเนินคดีผู้นำเข้าและโชว์รูม ซึ่งพบเป็นกลุ่มเดียวกัน


รถหรู หลากหลายยี่ห้อมีทั้ง Porsche , BMW , Lamborghini กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ยึดได้จากขบวนการโจรกรรมจากอังกฤษ คดีนี้หน่วยข่าวกรองอาชญากรรมยานยนต์แห่งชาติสหราชอาณาจักร ร่วมกับตำรวจนครบาลลอนดอน สืบสวนในชื่อ “ปฏิบัติการไทเทเนียม” พบกลุ่มคนไทยที่มีโชว์รูมจำหน่ายรถหรู ร่วมกับกลุ่มคนต่างชาติในอังกฤษ แบ่งหน้าที่กัน กลุ่มแรก ติดต่อทำสัญญาเช่าซื้อหรือเช่ารถหรูระยะสั้น แล้วส่งให้กับอีกกลุ่มทำหน้าที่ทำเอกสารเท็จหรือปลอม เช่น ใบตราส่งสินค้า ใบแจ้งหนี้ และส่งออกรถหรูที่โจรกรรมมาด้วยเครื่องบินจากสนามบินฮีทโธรว์ของอังกฤษ ไปสิงคโปร์ ก่อนส่งลงเรือมาไทย รวม 35 คัน 13 ยี่ห้อ ยึดได้ขณะนี้ 26 คัน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า คดีนี้ดีเอสไอได้รับการประสานจากอังกฤษมาเมื่อปี 2560 ที่ยึดแล้ว 26 คัน ผู้ครอบครองคืนให้โดยดี เหลืออีก 9 คัน ที่ผู้ครอบครองยังไม่คืน ซึ่งอาจตกเป็นผู้ต้องหารับของโจรได้ ส่วนมูลค่าทั้ง 35 คัน ในอังกฤษ 2.3 ล้านปอนด์ หรือกว่า 100 ล้านบาท หากนำเข้ามาขายในประเทศไทย มูลค่าจะสูงถึง 3 เท่า หรือราว 300 ล้านบาท


พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พบการทำเอกสารปลอมว่าเป็นรถยนต์ใหม่นำเข้าสำเร็จรูป เพื่อตบตาศุลกากร จากนั้นโชว์รูมรถหรูจะนำมาขายให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่อง ซึ่งผู้ครอบครองรถหรูทั้ง 26 คัน ยินดีคืนรถให้ หากจะใช้สิทธิ์ฟ้องทางแพ่งต่อผู้จัดจำหน่าย ดีเอสไอพร้อมสนับสนุนหลักฐานที่มีอยู่ ส่วน 9 คันที่เหลือ เป็นรถที่จดทะเบียน โดย 8 คัน มีผู้ครอบครองอยู่ และตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา แต่ยังไม่คืน ส่วนอีก 1 คัน ไม่พบหลักฐานการจดทะเบียน โดยผู้นำเข้าทั้ง 35 คัน มีบริษัทเดียว ส่วนโชว์รูมที่ขายก็มีบริษัทเดียว และทั้งสองบริษัทเกี่ยวพันกัน โดยเมื่อปี 60 ดีเอสไอเคยเข้าค้นที่โชว์รูมของบริษัท พบรถตรงกับบัญชีที่ทางอังกฤษแจ้งไว้ และสั่งอายัดไว้ 7 คัน แต่ในปี 2564 กลับพบว่ารถหรูที่อายัดไว้ถูกขายไปแล้ว จึงตามยึดคืนได้ 4 คัน และจะต้องดำเนินคดีกับโชว์รูมรถยนต์ที่นำไปขาย ส่วนผู้ครอบครองที่ซื้อรถโดยไม่รู้ว่าเป็นรถถูกโจรกรรมมา ถือเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต ดีเอสไอจะสอบสวนเป็นพยาน แต่ผู้ครอบครองที่ไม่คืนรถ อาจโดนข้อหารับของโจร จากนี้ดีเอสไอจะประสานกับอังกฤษในการคืนรถซึ่งทั้ง 35 คัน ถูกโจรกรรมช่วงมีนาคม 2560

นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ผู้ครอบครองรถหรูที่ซื้อรถเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ ถือเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต ดีเอสไอจะสอบสวนเป็นพยาน ส่วนผู้ครอบครองที่ไม่คืนรถยนต์ อาจโดนข้อหารับของโจร ส่วนรถยนต์ที่ยึดได้ กำลังประสานกับอังกฤษว่าจะดำเนินการคืนอย่างไร

สำหรับรถยนต์ทั้ง 35 คัน มี 13 ยี่ห้อ ถูกโจรกรรมระหว่าง 9 มีนาคม 2559 – 22 มีนาคม 2560 และเริ่มส่งรถยนต์ดังกล่าวออกจากอังกฤษ ระหว่างวันที่ 6 พฤษภาคม 2557 – 7 เมษายน 2560. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบกุญแจมือเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนดัง ส่งนอนห้องขัง

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบ “กุญแจมือ” เป็นของขวัญปีใหม่ให้อินฟลูฯ นักร้อง คนดัง ส่งนอนห้องขังวีไอพี เผยปม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” คาดมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง