แม่สอด 21 ก.พ.- วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน
วันที่สองของปฏิบัติการส่งตัวชาวจีนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ที่กลุ่ม BGF ควบคุมตัวได้จากพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษชเวโก๊กโก่ เมืองเมียวดี ฝั่งเมียนมา ยังใช้รถบัสจากไทยเข้าไปรับชาวจีน มายังด่านพรมแดนแม่สอด 2 จ.ตาก โดยชาวจีนที่เข้ามาต้องผ่านการพิมพ์ลายนิ้วมือและสแกนใบหน้า ตามระบบไบโอเมทริกซ์ ของ ตม.ไทยและบันทึกประวัติ เพื่อห้ามกลับมาประเทศไทยอีก
จากนั้นนำตัวขึ้นรถบัสโดยสารไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ขึ้นเครื่องบินของสายการบินไชน่าเซาท์เทิร์น แอร์ไลน์ เที่ยวบินละ 50 คน มีตำรวจจีนควบคุมอย่างใกล้ชิดทุกเที่ยวบิน ปลายทางเมืองหนานจิง โดยวันนี้ส่งกลับทั้งหมด 6 เที่ยวบิน รวม 300 คน หลังจากเมื่อวานซึ่งเป็นวันแรกส่งกลับไปแล้ว 200 คน รวม 2 วันส่งไป 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน อีก 6 เที่ยวบิน คาด 3 วันจะส่งตัวชาวจีนจากเมียวดีกลับทั้งหมด 800 คน ซึ่งจะเป็นชุดสุดท้าย เพื่อรอการหารือไตรภาคีของรัฐมนตรี “ไทย-จีน-เมียนมา” ถึงแนวทางในการรับตัวเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งกลุ่มสแกมเมอร์ในเมียวดีของเมียนมา คาดว่ายังมีอีกหลายพันคนรวมกว่า 20 สัญชาติ
ส่วนในพื้นที่อิทธิพลของทหารกะเหรี่ยง D.K.B.A หรือกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย ที่ควบคุมพื้นที่ด้านตรงข้ามบ้านช่องแคบ ต.ช่องแคบ อ.พบพระ ขณะนี้ได้ประกาศยุติการกวาดล้างและช่วยเหลือเหยื่อคอลเซ็นเตอร์และเหยื่อค้ามนุษย์แล้ว โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแล เนื่องจากยังมีอีก 300 คนจากชาติต่างๆ ที่ต้องดูแลหลังไทยประกาศจะไม่รับชาวต่างชาติข้ามมาฝั่งไทยอีก ยกเว้นประเทศต้นทางแจ้งความจำนงขอรับคนของตัวเองกลับประเทศ
“สนธิญา” ร้อง ปปง.สอบอายัดทรัพย์ “หม่อง ชิต ตู่”
นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นเรื่องต่อ นายวิทยาพร จันทวาส ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสืบสวนสอบสวนทางการเงิน ขอให้ตรวจสอบอายัดทรัพย์สินพันเอกหม่อง ชิต ตู่ ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA) ในความผิดที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์คอลเซ็นเตอร์ชาวอินเดียและพรรคพวกที่อยู่ในไทย เพราะอยู่เบื้องหลัง มีส่วนสนับสนุน ให้มีการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน สแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ในชเวโก๊กโก่ และเมียวดี ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินชาวไทยและทั่วโลก รวมถึงละเมิดสิทธิมนุษยชน กักขังหน่วงเหนี่ยว อีกทั้งต่างประเทศ ไม่ว่ากลุ่ม EU สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ ก็คว่ำบาตรพันเอกหม่อง ชิต ตู่ และคณะอันมาจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และว่าทรัพย์สินของพันเอกหม่อง ชิต ตู่ และเครือญาติเข้ามาทำธุรกรรมทางด้านการเงิน ซื้อบ้าน หรือทรัพย์สินอื่นในประเทศไทย โดยเห็นว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายชัดเจนและเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ คาดว่ามีขบวนการฟอกเงินหมุนเวียนกว่า 1 พันล้านบาท .-สำนักข่าวไทย