พรรคเพื่อไทย 27 ก.ค. – เพื่อไทย ย้ำปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นผลพวงจากปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่ปัญหาสองตระกูล ชี้ที่ยิงกันปี 54 ผู้นำรัฐบาลก็ไม่ใช่ตระกูล “ชิน” วอนแกนนำม็อบพักชุมนุม เอางบซื้อข้าว-น้ำไปช่วย ประชาชนชายแดนก่อน
นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าพรรคเพื่อไทยขอเคียงข้างประชาชน และขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของสองตระกูล แต่เป็นเพราะรัฐบาลพยายามจัดการกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเสียผลประโยชน์ เพราะรัฐบาลตั้งใจที่จะปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป ที่จะมารบกวนสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งตนได้ติดตามสถานการณ์จากเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาด บางจุดเริ่มคลี่คลายแต่บางจุดก็สุ่มเสี่ยงต่อการปะทะ ซึ่งกองทัพไทยพร้อมที่จะเผชิญเหตุต่างต่าง และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และขอย้ำว่าความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ
นายดนุพร เชื่อว่าเรื่องการปราบปราม อาชญากรรมข้ามชาติ สร้างความไม่พอใจให้กับประเทศกัมพูชา เพราะหากย้อนกลับไปไม่นาน ประเทศไทยได้ขอความร่วมมือ เตรียมการจัดตั้งกลไกไตรภาคี ร่วมกับเมียนมาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อจัดการปัญหาคอลเซ็นเตอร์ และเราได้เชิญ กัมพูชาเข้าร่วมด้วย ก็ปรากฏว่า กัมพูชาปฏิเสธโดยบอกว่าจะดำเนินการด้วยตนเอง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าไม่ปกติ เพราะเป็นเรื่องที่ภูมิภาคนี้ควรจะร่วมกันแก้ไข ทั้งนี้ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่เป็นความขัดแย้ง ของสองตระกูลดามที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นขอวิงวอนไปยังสื่อมวลชน อินฟลูเอ็นเซอร์ เสนอข่าวอย่างสร้างสรรค์และไม่อยากให้นำเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นความขัดแย้ง ปลุกปั่นยุยงให้เกิดความแตกแยก แตกสามัคคี ขณะเดียวกันนอกจากพรรคเพื่อไทยประสานไปยังกองทัพ กระทรวงมหาดไทยแล้วยังประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานในระดับทวิภาคี และจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อ ประเมินผลกระทบระหว่างประเทศ และติดตามข้อมูลจากสถานทูตต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยขอแสดงความเสียใจกับ ครอบครัวทหารกล้า ที่สละชีวิต รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดน ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็มีสสในพื้นที่ ทางอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ได้ระดมสรรพกำลังสส. อีสานในเขตใกล้เคียง เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งได้รับ การยืนยันจากรัฐ รัฐบาลว่า มีส่วนช่วยเหลือประชาชน 295 แห่ง ก็จะกระจาย สส. ลงไปช่วยดูแล และนำสิ่งของอุปโภคบริโภคต่างๆ นำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งแพทย์ เข้าไปดูแลประชาชน
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวด้วยว่า ตนเข้าใจดีว่าประชาชนมีความโกรธ มีความสะเทือนใจกับการสูญเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหากล้าหรือพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่ก็อยากให้สังคมไทยตั้งสติ และไม่อยากให้เปลี่ยนความโกรธนี้เป็น ความเกลียดชัง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องรัฐต่อรัฐ ไม่ได้เกี่ยวกับพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด จึงไม่อยากให้ พวกเรามีอารมณ์โกรธ จนถึงเกลียดไปทำร้าย พี่น้องชาวกัมพูชาที่มาทำงานในประเทศไทย และไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้ลามไปถึงหมู่พี่น้องประชาชน เราประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศสงบสุข ชื่อว่าสยามเมืองยิ้ม
ส่วนกรณีที่มวลชนประกาศจะรวมตัวกัน ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ นายดนุพร กล่าวว่าอยากจะขอร้องไปยังแกนนำว่าวันนี้สิ่งที่ประเทศต้องการ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีท่านใหม่ หรือยุบสภา แต่สิ่งที่ ประเทศไทยต้องการคือความสามัคคี ผนึกกำลังของคนในชาติให้ประเทศเพื่อนบ้านเห็น ว่า วันนี้ เราเป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมที่จะตอบโต้ผู้รุกล้ำอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่ จึงขอเรียกร้องไปยังแกนนำม็อบทั้งหลาย ที่ไม่พอใจรัฐบาลและไม่พอใจพรรคเพื่อไทย ว่ารอให้ประเทศสงบสุขก่อน แล้วค่อยกลับมาชุมนุม อยากให้รับคำร้องขอและนำไปพิจารณา ตนทราบดีว่าการชุมนุมแต่ละครั้งต้องมีการใช้งบประมาณจำนวนมาก ทั้งซื้อน้ำอาหารมาเลี้ยงผู้ชุมนุม หากต้องใช้งบประมาณตัวนี้ขอเรียนว่า ขอให้นำน้ำอาหารแห้งต่างๆ ส่งไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่อพยพอยู่บริเวณชายแดน น่าจะเหมาะสมกว่า
ส่วนเมื่อถามว่าที่กัมพูชาไม่พอใจ นอกจากการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีเรื่องที่ไทยผลักดันกฎหมาย เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ด้วยหรือไม่ โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ก็อาจจะเกี่ยวข้องกันในหลายประเด็น แต่ย้ำว่าไม่เกี่ยวข้องกับสองตระกูลและถ้าจำกันได้ เหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อปี 2554 ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งตนก็เชื่อว่าครอบครัวของนายอภิสิทธิ์ก็คงไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับกัมพูชา และอาจย้อนกลับไปหลายสิบปีที่มีข้อขัดแย้ง เรื่องปราสาทพระวิหาร ก็เชื่อว่าผู้นำในขณะนั้นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งกับครอบครัวของผู้นำกัมพูชา จึงขอย้ำว่า ไม่ใช่ เรื่องที่เกี่ยวกับนามสกุล หรือตระกูลใดตระกูลหนึ่งทะเลาะกัน แต่ละยุคแต่ละสมัย มีความขัดแย้งกัน เป็นเรื่องปกติของเพื่อนบ้านกัน และเชื่อว่า ประชาชนคนไทย ยอมรับว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นภัยคุกคามพวกเราจริงๆ หากรัฐบาลไม่ปราบปรามอย่างเข้มข้นและจริงจัง คนที่เดือดร้อนก็คือประชาชนชาวไทย ซึ่งรัฐบาลเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง.-312-สำนักข่าวไทย