กรุงเทพฯ 13 ก.ย. – เขตลาดกระบัง กทม. ยังคงเผชิญน้ำท่วมขัง บางช่วงระดับน้ำท่วมสูงกว่าขอบทางเท้า หลายชุมชนถูกน้ำท่วมสูง ชาวบ้านกว่า 600 ครัวเรือน ต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมขังอย่างยากลำบากนาน 6 วัน
ถนนลาดกระบัง ตั้งแต่ช่วงแยกลาดกระบังถึงถนนหลวงแพ่ง ยังคงมีน้ำท่วมขังบนถนนทุกช่องการจราจร บางช่วงระดับน้ำท่วมสูงกว่าขอบทางเท้า เช่น หน้าสำนักงานเขตลาดกระบัง จุดตัดถนนลาดกระบังแยกสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้รถที่สัญจรผ่านดับหลายคัน เจ้าหน้าที่จากกองโรงงานช่างกล กทม. ได้ตั้งจุดอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือซ่อมรถให้ประชาชนที่ขับรถลุยน้ำท่วม พบว่าเฉพาะวานนี้ (12 ก.ย.) มีรถจักรยานยนต์ที่ขับฝ่าน้ำท่วมและดับกลางทางได้รับความเสียหายกว่า 20 คัน
ร้านอาหารริมถนนลาดกระบัง น้ำท่วมเสียหาย ท่วมถึงห้องนอน
ด้านนางจรรยา เจ้าของร้านอาหารริมถนนลาดกระบัง พาทีมข่าวเข้าไปดูความเสียหายภายในร้าน ซึ่งน้ำท่วมขังมาแล้วกว่า 3 วัน แม้นางจรรยาและสามี นำแผ่นคอนกรีตมาวางป้องกัน ไม่ให้น้ำทะลักเข้าร้าน และซื้อเครื่องสูบน้ำ 2 เครื่องมาติดตั้งเพื่อสูบน้ำออก แต่กลับพบน้ำยังไหลย้อนกลับเข้ามาท่วม เนื่องจากปริมาณน้ำในคลองประเวศบุรีรมย์ยังสูง ทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกไปได้ และยังได้รับผลกระทบจากคลื่นน้ำจากรถที่สัญจรกระแทกเข้ามาบริเวณหน้าร้าน ที่ผ่านมาน้ำไม่เคยท่วมนานแบบนี้มาก่อน ปกติถนนลาดกระบังมีน้ำท่วมขังบ้างในช่วงที่มีฝนตกหนัก ไม่นานน้ำก็ลด แต่ช่วงสัปดาห์นี้ท่วมนานผิดปกติ
ชาวบ้านกว่า 600 ครัวเรือน ใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมขังนาน 6 วัน
ส่วนที่หมู่บ้านเคหะนคร 2 ซอยลาดกระบัง 36 ชาวบ้านกว่า 600 ครัวเรือน ต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมขังมานานกว่า 6 วัน โดยชุมชนถูกน้ำท่วมตั้งแต่ต้นซอยจนถึงท้ายซอยสูงกว่าครึ่งเมตร และน้ำที่ท่วมขังเริ่มส่งกลิ่นเหม็น ขณะที่การเดินทางเข้า-ออกเป็นไปอย่างลำบาก เนื่องจากบางจุดรถขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ทางเขตจึงไจัดรถ 6 ล้อ รับส่งประชาชนเข้า-ออก ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนนำรถยนต์ส่วนตัวไปขนกระสอบทรายจากเขตลาดกระบังนำมาวางเสริม ป้องกันน้ำไหลเข้าบ้าน เนื่องจากกังวลว่าระดับน้ำอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก
นางชนิดา ชาวบ้านในชุมชนเคหะนคร 2 เล่าว่า ใช้ชีวิตกับน้ำท่วมขังมาหลายวันอย่างยากลำบาก เนื่องจากในบ้านมีแต่ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้หญิงและผู้ป่วยติดเตียง จึงต้องจ้างคนไปยกกระสอบทรายมาวางหน้าบ้าน และต้องช่วยกันวิดน้ำออกจากตัวบ้าน น้ำท่วมครั้งนี้ถือว่าสูงและหนักกว่าปี 54 เพราะเข้าสู่วันที่ 6 แล้วระดับน้ำยังไม่ลด แต่กลับเพิ่มขึ้น
เตรียมระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม 1,800-2,000 ลบ.ม./วินาที
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักในช่วงวันที่ 12-17 กันยายน 65 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ จากการที่ฝนตกหนักต่อเนื่องในภาคเหนือ ทำให้มีน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้น
โดยจะปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝน-น้ำท่า โดยตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน จะระบายในเกณฑ์ 1,800-2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมประมาณ 40-60 เซนติเมตร ในช่วงวันที่ 16-17 กันยายน บริเวณชุมชนพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง, คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา, ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย