นายกฯ ชูจุดแข็งไทยท่องเที่ยว ​ทำไทยเป็นไฮซีซั่น​ตลอดปี

กทม. 12 มี.ค.- นายกฯ ปาฐกถา “โอกาสการลงทุนไร้ขีดจำกัดในประเทศไทย” ลั่น เศรษฐกิจทั่วโลกเป็นสิ่งท้าทาย พยายามเปลี่ยนความไม่แน่นอนให้เป็นโอกาสของประเทศ ขอทุกภาคส่วนทำบรรยากาศให้น่าลงทุน ชู จุดแข็งไทยท่องเที่ยว​ทำไทยให้เป็นไฮซีซั่น​ตลอดทั้งปี ดัน​ Man​ -​ Made Destination​ บอก ต่างชาติสนใจลงทุนแลนด์​บริจด์ ชม บีโอไอ ทุบสถิติรอบ 10 ปี ลงทุนพุ่ง 1.13 ล้านล้านบาท


น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานเผยแพร่ยุทธศาสตร์และนโยบายส่งเสริมการลงทุน ในหัวข้อ “Ignite Thailand : Invest in Endless Opportunities โอกาสการลงทุนไร้ขีดจำกัดในประเทศไทย” โดยมีพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมงาน

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีทุกวันนี้การลงทุนทั่วโลก เศรษฐกิจทั่วโลกเป็นสิ่งที่น่าท้าทาย การที่จะเกิดการลงทุนใหม่ได้เป็นเรื่องท้าทายอย่างมากเช่นกัน ทุกคนที่อยู่ในวงการภาครัฐและเอกชน วงการธุรกิจการลงทุนคงทราบดีว่าการจะหาช่องทางให้เกิดการลงทุนใหม่ไม่ได้ง่ายเหมือนหลายสิบปีที่แล้ว และตอนนี้เศรษฐกิจของเรา ค่อยๆเติบโตขึ้น และอยากให้เติบโตก้าวกระโดดกว่านี้ แต่หลายอย่างเราลงทุนช้าไป ช่วงนี้เราพยายามจะดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาให้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้กับประเทศของเรา ในฐานะผู้นำรัฐบาล พยายามเปลี่ยนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ให้เป็นโอกาสของประเทศให้ได้ แต่จะเปลี่ยนได้อย่างไรทำได้อย่างไร หลายภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ภาครัฐอย่างเดียวหรือเอกชนอย่างเดียว หรือภาคประชาชนอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เกิดการลงทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างบูรณาการ รัฐบาลแสดงความมั่นคงชัดเจนมาตลอด เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้คนทั่วโลกทราบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน เป็นประเทศแห่งโอกาส มีทั้งคนและทรัพยากรพร้อม ต้องแสดงศักยภาพของประเทศให้ชัดเจน และรัฐบาลต้องสร้างโอกาสการลงทุนอย่างไม่รู้จบ เปิดทางให้ทุกคนในโลกเห็นว่าการลงทุนของเราจะต้องมีความมั่นคง เมื่อลงทุนแล้วจะได้อะไรกลับไปมากมาย เราต้องสร้างความเชื่อมั่น รวมถึงเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่รัฐบาลพยายามทำในหลายโครงการให้มั่นคงยิ่งขึ้น ผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเรื่องของรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ เพิ่มการเชื่อมภาคใต้เข้าสู่ศูนย์กลางการค้าและบริการอนุมัติการลงทุนเรื่องของรถไฟสายสีม่วงและสีม่วงใต้เชื่อมกรุงเทพชั้นนอกกับชั้นในเข้าด้วยกัน


นอกจากนี้ยังมีรถไฟความเร็วสูงภาคอีสาน ระยะที่ 2 เชื่อมคมนาคมขนส่งของประเทศไทยในระดับภูมิภาค ซึ่งการสร้างรถไฟเหล่านี้นอกจากเพิ่มการขนส่งสินค้า ยังเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศเราอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีท่าอากาศยาน ที่จะเป็นการลงทุนที่สำคัญที่รัฐบาลได้เริ่มโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะ 3 มูลค่าการลงทุนเบื้องต้น 1.5 แสนล้านบาท และเริ่มพัฒนาโครงการเพื่อขยายการใช้งานท่าอากาศยานทั้งในกรุงเทพฯและภูมิภาค ถือเป็นโครงการที่สำคัญมากที่จะทำให้โลจิสติกส์ของคนไทยเข้มแข็งขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า โครงการที่สำคัญหลังจากที่ตนไปเยือน สาธารณรัฐ
ประชาชนจีน ผู้นำจีนรวมถึงประเทศอื่นสนใจอยากจะมาลงทุน คือ โครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมต่อ 2 ทะเล อ่าวไทยและอันดามัน จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาคหากสร้างแลนด์บริดจ์สำเร็จจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทันที ทุกประเทศเพื่อนบ้านต้องมาผ่านที่เราจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงขึ้นมากมาย ทั้งการท่องเที่ยวการค้า การเกิดอาชีพใหม่ๆเกิดรายได้ใหม่ๆแน่นอนต้องเกิดขึ้นแน่ในประเทศ

นอกจากนั้นเรายังมองเห็นเรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นสิ่งสำคัญ ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาเรื่องอุทกภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่มอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาคเหนือ รัฐบาล และตนเองกลับไปดูงบต่างๆใช้งบค่าเยียวยาไปเท่าไหร่บ้าง ซึ่งการเยียวยาประชาชนเป็นสิ่งที่รัฐทำได้และเต็มใจทำ แต่จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าประชาชนไม่ต้องผ่านเรื่องราวน้ำท่วม ขนย้ายขนออกจากบ้านไม่ได้ ไม่ต้องเกิดน้ำท่วม ไม่ต้องจ่ายค่าเยียวยามั่นใจว่าประชาชนเลือกที่จะไม่เอาน้ำท่วมดีกว่า แทนการรับค่าเยียวยา การที่ได้ไปสัมผัสชาวบ้านรู้สึกเขามีปัญหาเรื่องนี้มาก ตนคิดว่าการที่เขาจะลงทุนความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนสำคัญกว่าทุกเรื่อง ฉะนั้นรัฐบาลได้วางแผนจัดการเรื่องการทำผนังกั้นน้ำต่างๆทั้งภาคเหนือภาคอีสานและทุกพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วม เป็นสิ่งที่รัฐวางแผนใหญ่ในการแก้ปัญหาตรงนี้


นอกจากนี้รัฐบาลยังตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจในฐานะศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และอากาศยานของภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการค้าการลงทุนของประเทศไทยต่อ ประเทศอื่นๆทั่วโลกมากยิ่งขึ้น เราพยายามสร้างและมุ่งเน้นในเรื่องความรู้สึก ทั้งรัฐบาลและเอกชนในประเทศของเราให้ความร่วมมือ ซึ่งกันและกันเพื่อให้ชาวต่างชาติ ตัดสินใจ ลงทุนที่ไทยหรือไม่ ตรงนั้นจะเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า รัฐบาลเน้นลงทุนทางด้านเทคโนโลยี Digital ธุรกิจในอนาคต semi conductor และ Data Center ต่างๆเข้ามา ถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะเป็นการลงทุนระยะยาว ทำให้ทั่วโลกเห็นว่าถ้าประเทศไทยมีความพร้อมในการลงทุน ศักยภาพของคนก็มีพร้อมเช่นกัน รัฐบาลไม่ได้ละเลย คิดว่าการพัฒนาศักยภาพของคนสำคัญมากเราได้ให้นักลงทุนเข้ามามีชาวต่างชาติเข้ามาทำงาน ซึ่งเราเข้าใจว่าการศึกษาของเรายังไม่สมบูรณ์แบบในเรื่องเทคโนโลยี จึงเกิดนโยบายที่เรียกว่าโอดอสให้ทุนเด็กๆน้องๆนักเรียนได้ไปเรียนดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ขอเน้นย้ำว่าการให้ทุนดังกล่าวไม่ใช่ให้เรียนต่อสาขาใดก็ได้ แต่ต้องเป็นสาขาที่ไทยอาจจะยังไม่มีความพร้อมมากพอ แต่ถ้าพร้อมมากพอก็เรียนต่อในประเทศไทยได้ ส่วนภาควิชาเทคโนโลยีต่างๆการสร้างทำ Data ที่ต่างประเทศมีครบกว่า ตรงนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลสนับสนุนให้ทุนการศึกษาเหล่านี้ เสริมสร้างให้น้องๆได้มีสกิลมีพื้นฐาน เพื่อประกอบอาชีพในอนาคต ทำให้เขามีเงินเดือนเพิ่มมากขึ้นกว่าอาชีพปกติ และสร้างรายได้ให้กับครอบครัวมากขึ้น

ขณะเดียวกันยังมีแผนการผลิตบุคลากรเพิ่มมากกว่า 80,000 คนและดึงดูดบุคลากรจากทั่วโลก การดึงดูดคนจากต่างชาติเข้ามาจะช่วยพัฒนาศักยภาพของคนไทย เพราะจะเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการทำงาน เป็นการเรียนรู้ไปด้วยทำงานไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากทำควบคู่กันไปเพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กรุ่นต่อไปและปัจจุบันก็มีองค์ความรู้พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันต้องทำคู่ขนานไปทั้งหมด

“การที่จะดึงดูดนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น ก็จะต้องทำให้การลงทุนของเราง่ายบรรยากาศการลงทุนน่าลงทุน เวลาไปไหนพบบริษัทต่างชาติเขาจะพูดว่าขั้นตอนเราเยอะ เราก็พยายามอยากให้เป็นศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ให้เร็วที่สุดโดยตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ซึ่งตนเคยอยู่เอกชนมาก่อนเวลาส่งเอกสารต้องส่งถึง 10 ที่ คิดว่าทุกคนคงเข้าใจเหมือนกัน ทุกองค์กรจะโดนเรียกเอกสารฉบับเดียว แต่ต้องส่งไป 10 ที่ก็ทำให้เสียเวลาพอสมควร ฉะนั้นจะพยายามกระชับเรื่องนี้ให้สั้นมากยิ่งขึ้นเป็นบรรยากาศที่น่าลงทุนเพิ่มมากขึ้น” นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยยังให้ความสำคัญกับภาคการผลิตมาก ทั้งด้านการเกษตร อาหาร บริการ ด้านการท่องเที่ยวและการแพทย์ ถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ยากที่จะแข่งขันได้ เรามี service ซ่อนอยู่ในตัวคนไทยนั่นคือซอฟต์พาวเวอร์รัฐบาลสนับสนุนทุกด้าน โดยมีการเตรียมความพร้อมยกระดับพัฒนาอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้ผสมกับเทคโนโลยีภูมิปัญญาเดิมของชาวบ้านมาผสมกัน เพื่อให้เพิ่มพูนสิ่งเหล่านี้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชูครัวไทยสู่ครัวโลก ร้านอาหารไทยมีทั่วโลก แต่วัตถุดิบสิ่งต่างๆมาจากประเทศไทยหรือเปล่า อยากสนับสนุนการปลูกของเกษตรกรไปถึงร้านอาหารเมืองนอก เพื่อให้ชาวต่างชาติลิ้มรสของไทยจริงๆเพิ่มโอกาสให้กับพี่น้องเกษตรกรไทย อยากเน้นย้ำตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าปีนี้ไทยโปรโมทการท่องเที่ยวอยากให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นตัวเลขการท่องเที่ยวของเรา ใกล้จะกลับมาใกล้ช่วงก่อนโควิดแล้ว บางจังหวัดตัวเล็กเกินช่วงโควิดไปแล้ว ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีรู้ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเรากำลังไปด้วยดี
ซึ่ง Family Business ของดิฉันทำธุรกิจโรงแรมจะเห็นว่าการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น สมัยเพิ่งเริ่มโควิดใหม่ๆ Booking ไม่เคยเต็มแต่ช่วงนี้เต็มตลอดทราบเลยว่าประเทศไทยเป็นช้อยส์แรก ของชาวต่างชาติ ถือเป็นสิ่งที่เราต้องทำจุดแข็ง ที่แข็งอยู่แล้วให้สตรองมากยิ่งขึ้น ให้น่าเข้ามาเที่ยวมากขึ้น ฉะนั้นการท่องเที่ยวแบบ Man made tourism ถือเป็นสิ่งสำคัญรัฐบาลสนับสนุนมากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยได้สนุกสนาน อย่างมหาสงกรานต์ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน เราพยายามเชื่อมทุกจังหวัดของประเทศจริงๆแล้ว สงกรานต์ไม่ใช่แค่ 3 วัน สามารถเที่ยวได้ทั้งเดือน โดยมีกิจกรรมตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปลายเดือน โดยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจะเริ่มออกแผนที่มาว่าที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นเมืองหลัก เมืองรองก็น่าเที่ยว

ทั้งนี้ตนได้ไปงาน ITB ที่เยอรมัน การท่องเที่ยวใหญ่ที่สุด เป็นที่รู้จัก เป็นการเปิดโอกาสให้จังหวัดเมืองรองต่างๆ มีโอกาสไปเปิดบูธ พูดคุยกับต่างชาติแบจับคู่ธุรกิจ ซึ่งทุกคนบอกว่าได้ประโยชน์อย่างมาก จึงได้ฝากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเก็บข้อมูลเหล่านั้นมาเพื่อเพิ่มโอกาสในปีหน้าต่อไปว่ามีจังหวัดไหน ที่พร้อมจะไปโดยจะทำเป็นรุ่นๆ ที่จะไปเมืองนอก และเอาจังหวัดเล็กๆไปนำเสนอด้วย ซึ่งต่างชาติอาจจะไม่รู้จัก แต่คนไทยทราบดี จึงต้องแนะนำว่าประเทศไทยเรามีที่เที่ยวอีกว่า มาเมืองไทยสามารถเที่ยวได้ทั้งปีเที่ยวได้ตลอดไม่อยากให้มี Low season เกิดขึ้น อยากให้มีแค่High Season ของประเทศไทย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลสนับสนุนอย่างเต็มที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทยทำลายสถิติใหม่ รับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ามากกว่า 1.13 ล้านล้านบาทถือว่าเป็นการลงทุนที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขอบคุณทาง boi ทำงานอย่างหนักเห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์เป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 10 ปีน่าภูมิใจของประเทศไทยอย่างยิ่ง

ขอเน้นย้ำว่าการพัฒนาเศรษฐกิจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องอาศัยภาครัฐเอกชนและภาคประชาชน ถ้าเราทำบรรยากาศของประเทศให้เป็นที่น่าลงทุนได้ เราจะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้มั่นคงและยั่งยืนต่อไปได้ .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]