รัฐสภา 11 มี.ค. – “สว.ไชยยงค์” ซัด รัฐบาลล้มเหลวดับไฟใต้ งบบูรณาการ 500 ล้าน แต่การข่าวไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยคนร้ายวางระเบิด ส่งผลกระทบทั้งชีวิต-เศรษฐกิจในพื้นที่ ชี้ใช้กม.ความมั่นคง-กฎอัยการศึก เป็นกม.ล้าหลัง เรียกแขก ทั้งโลกเขาไม่ใช้กันแล้ว จี้รบ.ออกกฎหมายก่อการร้าย สร้างรั้วป้องกันชายแดน
ในการประชุมวุฒิสภา มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อน โดยนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว.หารือเรื่องความรุนแรงในจัหวัดภาคใต้ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อกองกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็น สามารถที่จะบุกเข้าไปกลางใจเมืองของ อ.สุไหง-โกลก ซึ่งเป็นเมืองหลัก เมื่อเศรษฐกิจของ8หัวเมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีการก่อวินาศกรรมเผา และวางระเบิด ที่ว่าการอำเภอ รวมทั้งสถานที่ราชการอื่นๆ ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง มีเจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิต ประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ถ้าตนไม่หยิบเรื่องนี้มาพูด ก็เหมือนกับว่าตนและพื่อนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ละเลยต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และไม่ไ้ทำหน้าที่ในการควบคุมการบริหาราาชการแผ่นดินของรัฐบาล
นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เราเห็นถึง ความไร้ประสิทธิภาพในหลายส่วนในการแก้ปัญหาความไม่สงบของจังหวัดใช้แดนพักใต้เริ่มจากงานการข่าวเรามีงบการข่าวในการบูรณาการของจังหวัดใช้แดนภาคใต้ปีละถึง 500 ล้านบาท แต่ปรากฏว่างานการข่าวไม่มีประสิทธิภาพ เพราะคนร้ายยกขบวนนำระเบิดข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาก่อการร้ายในพื้นที่ของเมืองชายแดนในวันเกิดเหตุเกือบ 10 จุด แต่เราไม่ได้ข่าวความเคลื่อนไหวกลุ่มคนร้ายเลย ซึ่งตนมองว่าเรากำลังใช้งบประมาณการข่าวที่ไม่มีประสิทธิภาพ และ หน่วยงานของรัฐในพื้นที่ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันหน่วยงานของตนเองเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองปล่อยให้คนร้ายสามารถบุกเข้าไปก่อวินาศกรรมในสำนักงานที่ว่าการอำเภอของตนเองได้โดยไม่มีการตั้งรับและไม่มีแผนเผชิญเหตุ ซึ่งภาพที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิดเผยแพร่ไปทั่วประเทศทำให้เห็นชัดว่าฝ่ายปกครองยังไม่มีความพร้อมในการที่จะรับมือกับกลุ่มก่อการร้ายขบวนการบีอาร์เอ็น
นายไชยยงค์ กล่าวด้วยว่า เรื่องทั้งหมดแสดงว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องของการสร้างมวลชนการแย่งชิงมวลชนในพื้นที่จังหวัดใช้แดนพักใต้ที่ไปทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ประสบความล้มเหลวในการแก้ปัญหาในสถานที่บ่มเพาะของขบวนการในการดึงประชาชนกลับมาเป็นคนของเราวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังตกอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลของขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ด้านความมั่นคง แต่ส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยวที่เกิดมาพร้อมกับสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะประเทศมาเลเซียได้ออกแถลงการณ์ห้ามคนของเขาเดินทางเข้ามายัง จังหวัดแดนภาคใต้ของไทย
“สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดผมอยากถามไปยังรัฐบาลว่าวันนี้สถานการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่เรื่องของ ความไม่สงบแต่เป็นเรื่องของสถานการณ์ของการก่อการร้ายรัฐบาลต้องยอมรับความจริงและจะต้องหาเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถใช้ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ วันนี้ป.วิอาญาที่มีอยู่ใช้กับอาชญากรรมธรรมดา และเมื่อเราใช้าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.ก.ความมั่นคง หรือกฎอัยการศึก ซึ่งเป็นกฎหมายที่ล้าหลังเป็นกฎหมายเรียกแขก ทั้งโลกเขาาเลิกใช้แล้ว แต่เราเอากฎหมายเหล่านี้มาใช้เมื่อไหร่ก็กลายเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี ให้เอ็นจีโอ กลุ่มสิทธิมนุษยชน และปีกทางการเมืองของ บีอาร์เอ็น กล่าวหาโจมตีเรา ผมขอถามว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาลจะตระหนักถึงเรื่องนี้และมีการออกกฏหมายการก่อการร้ายมาใช้เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น รัฐบาลคิดแล้วหรือยังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นควรจะมีรั้วชายแดนที่มีการปักปันเขตแดนกลับมาเลเซียแล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งอาวุธต่างๆก็ขนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน กองกำลังติดอาวุธอาวุธเมื่อปฏิบัติการเสร็จก็กลับไปนอนตีพุงอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เห็นว่าเราไม่มีปัญญาและล้มเหลวในการซีลชายแดน” นายไชยยงค์ กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย