กรุงเทพฯ 23 มี.ค. – ตำรวจ กรมการขนส่งทางบก และธนาคารกรุงไทย เดินหน้าเชื่อมระบบชำระค่าปรับ คาดใช้เวลา 1 เดือน เตรียมเสนอเพิ่มโทษปรับไม่ชำระตามกำหนดอีก 1,000 บาท
พลตำรวจโทวิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ระบบข้อมูลใบสั่งจราจรกับกรมการขนส่งทางบกยังไม่เชื่อมต่อกัน มีเพียงข้อมูลทะเบียนรถเท่านั้นที่สามารถตรวจสอบได้ ทำให้ผู้ที่ถูกออกใบสั่งจำนวนมากไม่เสียค่าปรับ จึงต้องมีการบังคับใช้กฎหมายนี้ หากเชื่อมต่อข้อมูลได้แล้วจะเริ่มบังคับใช้ตามมาตรการที่ระบุว่าต้องจ่ายค่าปรับภายใน 15 วันได้ทันที ซึ่งคาดว่าการเชื่อมต่อระบบต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 1 เดือน
ส่วนการออกใบสั่งรูปแบบใหม่อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยน โดยจะมีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับฐานความผิด จำนวนค่าปรับ รวมทั้งการตัดคะแนนความประพฤติ หากถูกตัดเกิน 60 คะแนนจะต้องรับการอบรม นอกจากนี้ ได้มีการเสนอขอเพิ่มโทษปรับกรณีที่ผู้ที่ไม่มาชำระค่าปรับตามเวลาที่กำหนดจะต้องถูกปรับเพิ่มอีก 1,000 บาท รวมทั้งเพิ่มโทษกับผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถด้วย
ขณะที่นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงประเภทรถที่ต้องมีเข็มขัดนิรภัย เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ โดยรถยนต์เก๋ง รถแท็กซี่ ที่จดทะเบียนรถก่อนปี 2531 จะไม่อยู่ในเกณฑ์นี้ เนื่องจากเป็นรถประเภทเก่า แต่รถที่จดทะเบียนตั้งแต่ 1 มกราคม 2531 รถตู้ที่จดทะเบียนตั้งแต่ 1 เมษายน 2555 รวมทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ รถโดยสารทุกประเภทจะต้องมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งและผู้โดยสารต้องคาดด้วย
ส่วนรถกระบะต่อเติมส่วนพ่วง เช่น รถสองแถวรับจ้าง สภาพรถไม่เหมาะกับการติดเข็มขัดนิรภัยกับผู้โดยสารก็จะเป็นข้อยกเว้น แต่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารในห้องโดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับแท็กซี่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง หากตรวจพบจะถูกปรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารไม่เกิน 500 บาท
พลตำรวจโทวิทยา ยังระบุว่า ภายใน 1 เดือนนี้จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างเข้มงวดมากขึ้น แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงมาตรการที่จะบังคับใช้.-สำนักข่าวไทย