นนทบุรี 19 ม.ค. – ผู้ค้าส่งค้าปลีกพร้อมสนับสนุนโครงการธงฟ้าประชารัฐกระจายสินค้าจำเป็นราคาถูก ชี้ไม่เกินกลางเดือนหน้าทุกอย่างชัดเจน เตรียมเชิญกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่คุยสัปดาห์หน้า
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังร่วมประชุมผู้แทนสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทยกว่า 10 ราย เพื่อเตรียมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด หรือสินค้าธงฟ้าประชารัฐไปยังร้านค้าปลีก-ค้าส่ง โชห่วย ที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 19,000 ร้าน เพื่อกระจายเข้าสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่พร้อมที่จะสนับสนุนโครงการธงฟ้าประชารัฐอย่างเต็มที
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นชนิดของสินค้ายังคงเน้นเฉพาะสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน และ ผงซักฟอก โดยยังคงใช้แบรนด์เดิมของผู้ประกอบการ ซึ่งหารือเพื่อขอความร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่บ้างแล้ว และสัปดาห์หน้าจะนัดหารือผู้ผลิตสินค้าทุกรายอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปถึงจำนวนสินค้า และแหล่งจำหน่ายเบื้องต้นภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ และต้องให้เวลากับผู้ประกอบการในการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อให้สินค้าที่สามารถจำหน่ายต่ำกว่าท้องตลาดร้อยละ 15-20 คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายสินค้าธงฟ้าประชารัฐภายในเดือนเมษายนนี้ และสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่มาหารือร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจะรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของผู้ประกอบการ ตลอดจนข้อเสนอแนะต่อแนวทางการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของไทยด้วย ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกเป็นเครื่องมือสำคัญในการดูแลค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ และเป็นองค์ประกอบสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความมั่นคงปัจจุบัน “ร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ” ทั้งสิ้น 114 ร้านค้า 545 สาขา ครอบคลุม 65 จังหวัด ซึ่งพร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้กับร้านค้าปลีกโชห่วยที่เป็นเครือข่าย 19,200 ร้าน และในปี 2560 กระทรวงฯ มีเป้าหมายที่จะขยายร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 30 ร้านค้า ซึ่งสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับร้านค้าปลีกโชห่วยเครือข่ายเพิ่มอีก 6,000 ร้านค้า ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน
ทั้งนี้ ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง มีอัตราการจ้างงานสูงคิดเป็นร้อยละ 27.5 หรือ ประมาณ 2.9 ล้านคน ของการจ้างงานทั้งประเทศ ซึ่งเป็นลำดับ 2 รองจากภาคบริการ และมีมูลค่าซื้อขายรวม 1.83 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.9 ของจีดีพี ซึ่งเป็นอันดับ 3 รองจากภาคบริการ ร้อยละ 32.6 และ ภาคการผลิต ร้อยละ 27.7 เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย