นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าจำเป็นที่ใช้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้ง ไก่ เป็ด หมู และผลไม้มงคล โดยตลาดจะที่จะไปดูราคาสินค้า เช่น ตลาดเยาวราช ตลาดยิ่งเจริญ รวมถึงห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือ โมเดิร์นเทรดเพื่อให้ครอบคลุมการซื้อขายของประชาชน
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการกรมการค้าภายในไปดูว่า นอกจากจะดูแลราคาสินค้าต่างๆไม่ให้มีการปรับขึ้นจนกระทบต่อค่าครองชีพประชาชนแล้ว ยังจะขอความร่วมมือร้านค้าต่างๆจัดทำชุดไหว้ชุดเล็ก ในราคาประหยัดเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อยด้วย ซึ่งยอมรับว่าเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้อาจจะส่งผลต่อราคาเนื้อหมูในบางพื้นที่ โดยจะมีปริมาณสินค้าลดลง ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะติดตามดูแล รวมทั้งจะมีการเปรียบเทียบราคาสินค้าที่ใช้ในช่วงตรุษจีน จากทั่วประเทศผ่านห้องวอลรูมของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งพาณิชย์จังหวัดจะต้องรายงานสถานการณ์ราคาสินค้าในพื้นที่เข้ามายังส่วนกลางเป็นประจำทุกวัน
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ออกตรวจสอบด้วยการลงพื้นที่แบบปูพรมทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคต้องการส่งสัญญาณให้กับค้าภายในจังหวัด และพาณิชย์จังหวัด เร่งทำงานเชิงรุก ควบคู่กับส่วนกลาง เพื่อดูแลราคาสินค้าทั่วประเทศให้เป็นไปตามกลไกตลาด และไม่เกิดการช่วยโอกาสปรับราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน โดยกระทรวงพาณิชย์จะเข้มงวดต่อพฤติกรรมการเอารัดเอาเปรียบร้านค้าต่างๆอย่างจริงจัง ดังนั้น หากประชาชนพบเห็นร้องหรือแจ้งมายังสายด่วน 1569 ได้ทันที
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงขณะนี้พบว่ามีร้านค้าภายในห้างสรรพสินค้าบางแห่งติดป้ายเหรียญชนิด 25 สตางค์และ 50 สตางค์ขาดตลาดไม่เพียงพอต่อการทอนสตางค์ในการซื้อสินค้าภายในห้างนั้น คาดว่าเป็นช่วงที่ประชาชนส่วนมากมีการแลกเหรียญเพื่อเก็บไว้ในช่วงไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสารไปยังกระทรวงการคลังเพื่อสอบถามเหรียญชนิดต่างๆขาดแคลนหรือไม่ ซึ่งกระทรวงการคลังยืนยันแม้ความต้องการเหรียญชนิดต่างๆที่ประชาชนแลกเก็บไว้เป็นที่ระลึกจะมีมาก แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เหรียญสตางค์เกิดขาดแคลน โดยกระทรวงการคลังยังคงผลิตเหรียญเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องและไม่ขาดแคลนตามกล่าวอ้างของร้านค้าต่างๆแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ข้อกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าบริการนั้น หากสินค้าประเภทที่อยู่ในบัญชีควบคุมตามคำประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ร้านค้าต่างๆจะทอนเงินในสินค้าด้วยลูกอมหรือขนมชนิดต่างๆหรือปัดเศษสินค้าขึ้นไม่โดยเด็ดขาด แต่สามารถปัดเศษสตางค์ลงให้กับผู้บริโภคได้ แต่ในกรณีดังกล่าวหากจะทอนเศษสตางค์ทดแทนเป็นลูกอมหรือขนมนั้นจะต้องถามผู้บริโภคด้วยความสมัครใจก่อนว่าสามารถยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งจะยัดเยียดให้ผู้บริโภคไม่ได้ถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบ ดังนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในไปตรวจสอบและทำความเข้าใจร้านค้าต่างๆแล้ว.-สำนักข่าวไทย